แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การตั้งผู้จัดการมรดกของอิสลามศาสนิกก็เพื่อจะให้ผู้นั้นเข้าไปมีอำนาจหน้าที่จัดการรวบรวมและแบ่งทรัพย์สินของผู้ตายให้เป็นไปตามกฎหมายอิสลาม ฉะนั้น คดีพิพาทกันเกี่ยวกับเรื่องตั้งผู้จัดการมรดก นับได้ว่าเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องมรดก คดีชนิดนี้จึงตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ. 2489 มาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัตินั้น ให้มีดะโต๊ะยุติธรรมหนึ่งนายนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษา แต่เนื่องจากดะโต๊ะยุติธรรมประจำศาลยื่นคำร้องขอถอนตัวเพราะเป็นญาติกับโจทก์จำเลย และเคยเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้มาแล้ว โจทก์จำเลยจึงได้ตกลงเลือกนายอำนวยซึ่งเป็นอิสลามศาสนิกปฏิบัติหน้าที่แทนดะโต๊ะยุติธรรมเฉพาะคดีตามมาตรา 5 วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาคดีโดยให้ดะโต๊ะยุติธรรมนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษาจึงเป็นการชอบ
ย่อยาว
ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของขุนศรีตุลาการ
ผู้คัดค้านคัดค้านว่าผู้ร้องทั้งสามไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก
เพื่อสะดวกแก่การพิจารณาคดี  ศาลชั้นต้นเรียกผู้ร้องว่าโจทก์เรียกผู้คัดค้านว่าจำเลย  ก่อนสืบพยานของคู่ความ  ศาลชั้นต้นได้สอบถามโจทก์และจำเลยแล้ว  เห็นว่าคดีตกอยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี  นราธิวาส  ยะลา  และสตูล  พ.ศ. ๒๔๘๙
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งโจทก์ทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดกให้ยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่าคดีที่โจทก์ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกนี้  ใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องมรดกซึ่งจะต้องมีดะโต๊ะยุติธรรมนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษาหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า  ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี  นราธิวาส  ยะลา  และสตูล  พ.ศ. ๒๔๘๙  มาตรา ๓ และ ๔  ถ้าโจทก์และจำเลยเป็นอิสลามพิพาทกันเกี่ยวด้วยเรื่องมรดกอิสลามศาสนิกซึ่งศาลจังหวัดปัตตานี  นราธิวาส  ยะลา  และสตูลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว  ให้ใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยมรดกบังคับแทนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และให้มีดะโต๊ะยุติธรรมหนึ่งนายนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษา
คดีนี้  คู่ความมิได้โต้เถียงกันว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ใช่อิสลามศาสนิก  และทั้งสองฝ่ายเป็นอิสลามศาสนิกในเขตจังหวัดปัตตานี  การตั้งผู้จัดการมรดกก็เพื่อจะให้ผู้นั่นเข้าไปมีอำนาจหน้าที่จัดการรวบรวมและแบ่งทรัพย์สินของผู้ตายให้เป็นไปตามกฎหมายอิสลาม  ฉะนั้น  คดีพิพาทกันเกี่ยวกับเรื่องตั้งผู้จัดการมรดก  นับได้ว่าเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องมรดก  คดีชนิดนี้จึงตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี  นราธิวาส  ยะลา  และสตูล  พ.ศ. ๒๔๘๙  มาตรา ๓ และตามมาตรา ๔  แห่งพระราชบัญญัตินั้น  ให้มีดะโต๊ะยุติธรรมหนึ่งนายนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษา  แต่เนื่องจากดะโต๊ะยุติธรรมประจำศาลยื่นคำร้องขอถอนตัวเพราะเป็นญาติกับโจทก์จำเลย  และเคยเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้มาแล้ว  โจทก์จำเลยจึงได้ตกลงเลือกนายอำนวย  โชคบำรุง  ซึ่งเป็นอิสลามศาสนิกปฏิบัติหน้าที่แทนดะโต๊ะยุติธรรมเฉพาะคดี  ตามมาตรา ๔  วรรคท้ายแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว  ฉะนั้น  การที่ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาคดี  โดยให้ดะโต๊ะยุติธรรมนั่งพร้อมด้วยผู้พิพากษา  จึงเป็นการชอบ
พิพากษายืน

