คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นสมาชิก อพป. มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ได้รับแจกอาวุธปืนคาร์บินและกระสุนปืนของกลาง ซึ่งเป็นของทางราชการไว้ใช้ประจำตัว เพื่อปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีและพาอาวุธปืน ฯ.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสอง ได้ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์พยายามฆ่ามีอาวุธซึ่งเป็นอาวุธที่นายทะเบียนท้องที่ไม่อาจออกใบอนุญาตให้มีให้ใช้ไว้ในครอบครอง พาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตยิงปืนในหมู่บ้านโดยใช่เหตุ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 80, 288, 337, 371, 376 และ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง ให้จำคุก 10 ปียกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามฟ้องให้จำคุก10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์จำเลยแล้ว ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 มีว่า จำเลยที่ 2กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงคนเดียว ตามคำเบิกความของผู้เสียหายปรากฏว่าขณะที่นายสาหะจำเลยที่ 1 พูดกับผู้เสียหายจนเกิดโต้เถียงกันและนายหะมะ หะมะ ใช้ปืนยิงนั้น จำเลยที่ 2 นั่งอยู่ใต้ถุนบ้านห่างออกไปถึง 40 เมตร และไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 ได้กระทำการอย่างใดด้วย ที่ผู้เสียหายเบิกความว่าระหว่างที่วิ่งหนีมีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ได้หันไปดูเห็นจำเลยทั้งสองกับพวกถือปืนในลักษณะยิงมานั้น เป็นการผิดวิสัยของผู้ที่ถูกยิงไล่หลังมา จะได้หันไปดูว่ามีใครยิง และตามคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย ผู้เสียหายให้การว่า สำหรับจำเลยที่ 2มองไม่เห็น คำเบิกความของผู้เสียหายไม่อยู่กับร่องรอยมีลักษณะเป็นการปรักปรำจำเลยที่ 2 รับฟังไม่ได้ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2ได้ร่วมกระทำผิดในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ พยายามฆ่าผู้เสียหายและยิงปืนในหมู่บ้านโดยใช่เหตุตามฟ้อง สำหรับข้อหามีอาวุธปืนคาร์บินซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนท้องที่ไม่มีอำนาจออกใบอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และยังอาจพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไป ตามคำเบิกความของนางมณฑลชื่นกลิ่น พยานโจทก์ซึ่งเป็นนายอำเภอยะรัง ได้ความว่าทางอำเภอมีหน้าที่จัดตั้งและควบคุมอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง (อพป.) และอาสารักษาดินแดน (อส.) อพป. และ อส. มีหน้าที่เกี่ยวกับรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน ทั้งสองชุดทำหน้าที่ประสานงานกันทางราชการได้จ่ายอาวุธปืนให้กับ อส. และ อพป. ไว้ใช้ในการทำหน้าที่โดยจ่ายอาวุธปืนคาร์บินให้กับ อส. ส่วน อพป. จ่ายปืนลูกซองยาวอาวุธปืนที่จ่ายให้ อส. และ อพป. ไม่พอแก่จำนวนสมาชิกจึงให้หมุนเวียนใช้ได้ตามระเบียบ ทั้ง อส. และ อพป. มีผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวหน้าชุดรับผิดชอบทุกอย่างในหมู่บ้าน เป็นผู้จ่ายปืนให้กับสมาชิกหมุนเวียนกันเพื่อใช้ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของหมู่บ้านหมู่บ้านจอเราะบองอ ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง นายอาลี อาบูวะ เป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวหน้าชุด อพป. และ อส. จำเลยที่ 2 เป็น อพป.ประจำหมู่บ้านที่นายอาลี อาบูวะ เป็นผู้ใหญ่บ้าน และนายอาลี อาบูวะผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นหัวหน้าชุด อปพ. และ อส. พยานโจทก์ก้เบิกความว่าที่ทำการชุดคุ้มครองหมู่บ้าน ทั้ง อส. และ อพป. เข้ามาอยู่รวมกันเพื่อร่วมปฏิบัติหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่ได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน สมาชิก อพป. นั้นได้รับอาวุธปืนมาไม่ครบจำนวนคนทั้ง อส. และ อพป. ที่ทำหน้าที่ลาดตระเวณเวรยาม พยานเป็นผู้จัดอาวุธปืนให้ คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 รับว่าจำเลยที่ 2ได้รับอาวุธปืนคาร์บิน 1 กระบอก หมายเลข 2750913 ซองกระสุนชนิดบรรจุ 15 นัด 1 ซอง และกระสุน 14 นัด จากนายอาลี อาบูวะผู้ใหญ่บ้านจำเลยที่ 2 เก็บรักษาไว้ตลอดมา ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2เป็นสมาชิก อพป. มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ได้รับแจกอาวุธปืนคาร์บินและกระสุนปืนของกลาง ซึ่งเป็นอาวุธปืนและกระสุนปืนของทางราชการไว้ใช้ประจำตัวจำเลยที่ 2 เพื่อปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และไม่มีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share