แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกา จะต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา และต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ มิฉะนั้นจะเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึงนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ฯลฯผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องผู้ละเมิดภายใน 1 ปีนับแต่วันรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
เมื่อจำเลยมิได้คัดค้านการที่โจทก์ไม่มีหนังสืออนุญาตของสามีให้โจทก์ฟ้องคดีมาแสดงในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยจะอ้างเหตุที่โจทก์ไม่มีหนังสืออนุญาตดังกล่าวมาอุทธรณ์ฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์มิได้ และจำเลยก็จะยกข้อบกพร่องของโจทก์เช่นนี้ขึ้นมาเป็นเหตุขอให้ยกฟ้องหาได้ไม่ นอกจากจะร้องขอให้ศาลสอบสวนและมีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขข้อบกพร่องเสียให้บริบูรณ์เท่านั้น
ในชั้นพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ซึ่งเป็นหญิงมีสามีได้ยื่นหนังสืออนุญาตของสามีโจทก์ต่อศาล ศาลรับไว้ถือว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจทก์แล้ว จำเลยจะอ้างว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบไม่ได้
กรรมการสหกรณ์ลงมติให้กระทำการนอกขอบวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ กรรมการก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนิติบุคคลและมีจำเลยที่ ๓,๔,๕ และ ๖ เป็นกรรมการ ได้ทำละเมิดขับรถยนต์ชนโจทก์บาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถประกอบอาชีพจนตลอดชีวิต ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ ๒ กับจำเลยที่ ๑,๓,๔,๕ และ ๖ ร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัพิจารณา
จำเลยอื่นๆ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ มิได้เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ มิได้ปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ ๓,๔,๕ และ ๖ ไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ และได้ปฏิบัติหน้าที่ไปในฐานะตัวแทนของสหกรณ์ ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ค่าเสียหายคิดมากเกินควร โจทก์บกพร่องเองในการรักษา โจทก์เคยได้รับค่าทำขวัญไปเป็นที่พอใจแล้ว จะเรียกร้องเอาอีกไม่ได้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม คดีขาดอายุความ เฉพาะจำเลยที่ ๖ ไม่ได้ประชุมลงมติร่วมกันจำเลยอื่นๆ ในคราวนั้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม และไม่ขาดอายุความ การเอารถของสหกรณ์ไปชนหินหารายได้ เป็นการนอกขอบวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ ๓,๔ และ ๕ ผู้ลงมติให้ไปกระทำการนั้นต้องรับผิดเป็นส่วนตัว จำเลยที่ ๖ ไม่ได้ประชุมลงมติด้วยไม่ต้องรับผิด ให้จำเลยที่ ๒,๓,๔ และ ๕ ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
จำเลยที่ ๓,๔ และ ๕ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๓,๔ และ ๕ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยมิได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายให้เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องไม่ชัดแจ้งตรงไหนอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๔๙ แต่ฟ้องโจทก์ปรากฏว่าได้บรรยายเรื่องค่าเสียหายมาพอเป็นที่เข้าใจได้แล้ว ไม่เคลือบคลุม
ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคุม เพราะหาข้อเท็จจริงที่ยุติไม่ได้นั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้วนั้น ข้อเท็จจริงเห็นได้ว่าโจทก์ไม่ทราบเรื่องการลงมติ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์รู้เรื่องนี้เมื่อใด คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ โจทก์มีสิทธิฟ้องได้ภายใน ๑ ปี นับแต่วันรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จะเอาอายุความ ๑ ปี นับแต่วันเกิดเหตุมาบังคับไม่ได้
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่ได้รับอนุาตจากสามี เมื่อจำเลยมิได้คัดค้านการที่โจทก์ไม่มีหนังสืออนุญาตของสามีให้โจทก์ฟ้องคดีมาแสดงในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยจะอ้างเหตุที่โจทก์ไม่มีหนังสืออนุญาตดังกล่าวมาอุทธรณ์ฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์มิได้ และจำเลยจะยกข้อบกพร่องของโจทก์เช่นนี้ขึ้นมาเป็นเหตุขอให้ยกฟ้องหาได้ไม่ นอกจากจะร้องขอให้ศาลสอบสวนและมีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขข้อบกพร่องเสียให้บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๕๖ เท่านั้น และในชั้นพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ได้ยื่นหนังสืออนุญาตของสามีโจทก์มา ศาลได้รับไว้ ถือว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจกท์แล้ว จำเลยจะอ้างว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบไม่ได้
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว จะฟ้องจำเลยไม่ได้ จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่กล่าวในชั้นอุทธรณ์ จึงไม่รับวินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยที่ ๓,๔ และ ๕ ลงมติให้นำรถยนต์ของจำเลยที่ ๑ ไปรับจ้างขนหินเพื่อหารายได้ เป็นการส่งเสริมฐานะเศรษฐกิจของสมาชิกของจำเลยที่ ๑ ให้ดีขึ้น เห็นว่า ต้องกระทำภายในขอบเขตแห่งความมุ่งหมายในข้อบังคับของจำเลยที่ ๑ และการกระทำของจำเลยไม่อยู่ในขอบเขตที่จะกระทำได้ตามความมุ่งหมายในข้อบังคับของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๓,๔ และ ๕ ซึ่งเป็นกรรมการผู้ลงมติให้กระทำต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
ในเรื่องค่าเสียหายที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ ไม่เห็นควรจะแก้ไข
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย