คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 135/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค. ซึ่งเป็นบุตรเจ้ามรดกคนหนึ่งถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดกค. มีบุตรคือจำเลยเป็นผู้สืบสันดาน จำเลยย่อมเป็นผู้รับมรดกแทนที่ ค.
จำเลยมิได้ครอบครองมรดกและมิได้เรียกร้องเอาภายใน 1 ปี ย่อมหมดสิทธิรับมรดก การที่บุตรของ ค. คนอื่นปลูกเรือนอยู่ในที่ดินมรดกหากเป็นความจริงก็เป็นสิทธิของผู้นั้นส่วนจำเลยหมดสิทธิไปแล้วจะคัดค้านขอรับมรดกด้วยหาได้ไม่
คดีพิพาทกันในระหว่างทายาทว่า จำเลยมีสิทธิขอแบ่งมรดกหรือไม่ โจทก์ก็ฟ้องเอาทรัพย์มรดกส่วนของ ค. 1 ใน 3 ตามที่ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในโฉนด ประเด็นในคดีจึงมีเฉพาะเรื่องทรัพย์มรดกของนางคลี่ มิได้พิพาทกับเจ้าของร่วมว่านางคลี่เจ้ามรดกหรือโจทก์ มีกรรมสิทธิ์เกินหนึ่งในสามหรือตามอาณาเขตที่ครอบครอง ศาลจะพิพากษานอกฟ้องไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางคลี่มารดาโจทก์และเป็นยายจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 6002 ร่วมกับนายชม และนางห่อโดยนางคลี่มีกรรมสิทธิ์ 1 ใน 3 ส่วน เป็นเนื้อที่ 6 ไร่ 1 งาน 6 เศษ 2 ส่วน 3 วา ราคาประมาณ 6,000 บาท นางคลี่วายชนม์ประมาณ 10 ปีเศษแล้ว โจทก์ผู้เดียวเป็นผู้ครอบครองที่ดินมรดกเฉพาะส่วนของนางคลี่ และออกเงินร่วมกับนายชมและนางล้วนบุตรนางห่อนำที่ดินไปจำนองนางสวัสดิ์ โจทก์ประกาศรับมรดก จำเลยคัดค้านขอรับมรดกส่วนของนางคลี่ร่วมกับโจทก์ด้วย โจทก์ไม่ยอม ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินเฉพาะส่วนของนางคลี่ในโฉนดที่ 6002 เป็นมรดกได้แก่โจทก์ผู้เดียว ฯลฯ

จำเลยให้การว่า โจทก์ จำเลย นายชมสามีนางคลี่ ฯลฯ ได้ครอบครองส่วนของนางคลี่ร่วมกันจนบัดนี้ ยังไม่ได้แบ่งปันกัน จำเลยคัดค้านเพื่อขอแบ่งส่วนในฐานะรับมรดกแทนที่ นางคลายมารดาจำเลยซึ่งเป็นบุตรเจ้ามรดก

นายชมผู้ร้องยื่นคำร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยร่วม โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นสามีนางคลี่ โจทก์ จำเลย ผู้ร้องครอบครองร่วมกันผู้ร้องมีส่วนได้ในกองมรดก 1 ใน 3 ขอให้ศาลพิพากษาแบ่งมรดกให้ผู้ร้อง 2 ไร่เศษ

โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่สามีที่ชอบด้วยกฎหมายของนางคลี่ เพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ทรัพย์พิพาทนางคลี่มีอยู่ก่อนได้กับผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินภายในเส้นสีแดงส่วนหนึ่งทางด้านตะวันออกตามที่ปรากฏในแผนที่พิพาท โจทก์เป็นผู้ได้รับมรดกมาจากนางคลี่มารดาจำเลยและผู้ร้องสอดไม่มีสิทธิรับมรดก โจทก์ครอบครองมา 10 ปีแล้ว โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ ห้ามจำเลยและผู้ร้องสอดเกี่ยวข้อง

จำเลยและผู้ร้องสอดอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ จำเลยได้ครอบครองร่วมกันมาและฟังข้อเท็จจริงว่า การเป็นสามีภริยาระหว่างนายชม นางคลี่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิได้จดทะเบียนสมรสกัน นายชมไม่มีสิทธิในที่ดินของนางคลี่ พิพากษาแก้เป็นว่า ที่ดินเฉพาะส่วนของนางคลี่ในโฉนดที่ 6002 เป็นมรดกของนางคลี่ตกทอดแก่โจทก์จำเลยคนละครึ่ง ส่วนกรณีสำหรับนายชมผู้ร้องสอดคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่า นางคลายบุตรนางคลี่ตายไปก่อนนางคลี่เจ้ามรดกจำเลยซึ่งเป็นบุตรนางคลายไม่ใช่ผู้รับมรดกแทนที่ เพราะนางคลายหมดสิทธิรับมรดกแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่ารับมรดกแทนที่ มีบัญญัติไว้ชัดแจ้งในมาตรา 1639 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในคดีนี้นางคลายบุตรเจ้ามรดกคนหนึ่งถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก นางคลายมีบุตรคือจำเลยเป็นผู้สืบสันดาน จำเลยย่อมเป็นผู้รับมรดกแทนที่นางคลาย ที่โจทก์ฎีกาว่าการรับมรดกแทนที่คือตายภายหลังเจ้ามรดก แต่ยังไม่ทันได้รับส่วนแบ่งมรดกก็ตายไปเสียอีกผู้สืบสันดานของผู้นั้นจึงเป็นผู้รับมรดกแทนที่ ถ้าแปลอย่างโจทก์ฎีกามาตรา 1639 ก็ไม่มีที่ใช้และเป็นการแปลขัดกับถ้อยคำที่บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่าทายาทผู้นั้นถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก จึงให้มีการรับมรดกแทนที่

ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยมิได้ครอบครองมรดกและมิได้เรียกร้องเอาภายใน1 ปี ย่อมหมดสิทธิรับมรดกที่ดินแปลงนี้ ข้อที่จำเลยอ้างว่าบุตรของนางคลายคนอื่นปลูกเรือนอยู่ในที่ดินแปลงนี้ หากเป็นความจริงก็เป็นสิทธิของผู้นั้น ส่วนจำเลยหมดสิทธิไปแล้ว จะคัดค้านขอรับมรดกด้วยหาได้ไม่

ที่โจทก์ฎีกาว่า ที่ดินมรดกของนางคลี่ควรจะมีอาณาเขตตามที่โจทก์ครอบครองศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้พิพาทกันในระหว่างทายาทว่าจำเลยมีสิทธิขอแบ่งมรดกหรือไม่ โจทก์ก็ฟ้องเอาทรัพย์มรดกส่วนของนางคลี่ 1 ใน 3 ตามที่ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในโฉนด ประเด็นในคดีนี้มีเฉพาะเรื่องทรัพย์มรดกของนางคลี่มิได้พิพาทกับเจ้าของร่วมว่านางคลี่เจ้ามรดกหรือโจทก์มีกรรมสิทธิ์เกิน 1 ใน 3 หรือตามอาณาเขตที่ครอบครอง ศาลจะพิพากษานอกฟ้องไม่ได้

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า โจทก์มีสิทธิรับมรดกที่ดินโฉนดที่ 6002 เฉพาะส่วนของนางคลี่ จำเลยไม่มีสิทธิรับมรดก

Share