แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ขณะเกิดเหตุโรงเรียนจ้างเหมานางเล็กก่อสร้างส้วม และปูนซีเมนต์ที่ได้รับความเสียหายก็เป็นของนางเล็ก แม้ปูนซีเมนต์จะอยู่ในบริเวณโรงเรียนซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของนางสมรครูใหญ่ แต่นางเล็กก็มีคนงานพักอาศัยอยู่ในบริเวณโรงเรียนและมอบปูนซีเมนต์ให้อยู่ในความครอบครองดูแลของคนงาน ดังนี้นางเล็กเป็นผู้เสียหายโดยตรง นางสมรไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่จำเลยได้ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 เป็นความผิดต่อส่วนตัวเมื่อผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนการสอบสวนในข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์จึงไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 121 วรรคสอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเข้าไปในโรงเรียน แม้จำเลยจะมีสิทธิเดินผ่านโรงเรียนได้ แต่การที่จำเลยเดินเข้าไปในบริเวณโรงเรียนในเวลากลางคืนจนไปถึงอาคารซึ่งไม่ใช่ทางผ่านและฉีกถุงปูนซีเมนต์ที่เก็บไว้หน้าอาคาร แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของนางสมรครูใหญ่โดยปกติสุขจึงมีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3) ประกอบด้วยมาตรา 362.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 334,335(1)(8), 362, 365, 358, 90, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา358, 364, 365(1) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษฐานบุกรุกซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 1 ปี ยกฟ้องข้อหาพยายามลักทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘……….ข้อหาความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงมีปัญหามาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาว่าจำเลยทำให้เสียทรัพย์และบุกรุกหรือไม่ สำหรับปัญหาเรื่องทำให้เสียทรัพย์ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ขณะเกิดเหตุโรงเรียนบ้านทุ่งกระจูดจ้างเหมานางเล็กก่อสร้างส้วมปูนซีเมนต์ที่ได้รับความเสียหายเป็นของนางเล็ก และคนงานของนางเล็กพักอาศัยอยู่ในโรงเรียนด้วย ดังนี้ นางเล็กจึงเป็นผู้เสียหายโดยตรง แม้ปูนซีเมนต์จะอยู่ในบริเวณโรงเรียนซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของนางสมรครูใหญ่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า นางเล็กมีคนงานพักอาศัยอยู่ในบริเวณโรงเรียนด้วย แสดงให้เห็นว่านางเล็กมอบปูนซีเมนต์ดังกล่าวให้อยู่ในความครอบครองดูแลของคนงานของนางเล็ก หาใช่นางสมรไม่นางสมรจึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่จำเลยได้ และคดีนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน การสอบสวนในข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์จึงไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 121 วรรคสองโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง………………
ในปัญหาที่ว่าจำเลยบุกรุกหรือไม่…………ฟังได้ว่าจำเลยเข้าไปในโรงเรียนบ้านทุ่งกระจูดและไปฉีกถุงปูนซีเมนต์ซึ่งเก็บไว้ที่หน้าอาคาร 2 พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าว ถึงแม้จำเลยจะมีสิทธิเดินผ่านโรงเรียนได้ แต่การที่จำเลยเดินเข้าไปในบริเวณโรงเรียนในเวลากลางคืนจนไปถึงอาคาร 2 ซึ่งไม่ใช่ทางผ่านและฉีกถุงปูนซีเมนต์ที่เก็บไว้หน้าอาคาร 2 แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของนางสมรโดยปกติสุข จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานบุกรุก……’
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา365(3) ประกอบด้วยมาตรา 362 จำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรเปิดโอกาสให้จำเลยได้กลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.