แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกสารสัญญาจะซื้อขายในตอนต้นมีข้อความว่า โจทก์เป็นผู้มีขื่อคนอื่นลงดังนี้ โจทก์ขอสืบว่าผู้ลงชื่อในฐานะเป็นพะยานเท่านั้นได้ เพราะไม่ใช่เป็นการสืบหักล้างหรือแก้ไขเอกสารอย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำสัญญาจะขายส่วนกรรมสิทธิในช้างเชือกหนึ่งให้โจทก์และได้รับเงินล่วงหน้าไปแล้ว จึงขอให้บังคับจำเลยให้ทำการโอนช้างรายนี้หรือคืนเงินล่วงหน้าให้ โจทก์ จำเลยให้การว่าไม่ได้ทำสัญญาขายให้โจทก์ แต่ทำสัญญาขายให้ ค. ต่างหาก
ทางพิจารณาปรากฏว่าหนังสือ สัญญาจะขายนั้นในตอนต้นมีข้อความว่า โจทก์เป็นผู้จะซื้อ แต่ในช่องผู้ซื้อ ค. เป็นผู้ลงลายมือในช่องผู้ขายจำเลยกดพิมพ์ลายนิ้วมือไว้ และมีลายมือชื่อพะยานลงชื่ออีกผู้หนึ่ง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าหนังสือจะซื้อจะขายมีชื่อ ค. เป็นผู้ซื้อโจทก์จะนำพะยานมาสืบว่า ค. ไม่ใช่ผู้ซื้อไม่ได้ ทั้งปรากฏว่า จำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือลงบนเอกสารโดยมีพะยานลงลายมือรับรองเพียงคนเดียว เป็นการใช้ไม่ได้ จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินว่า ปัญหาเบื้องต้นที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า โจทก์มีสิทธินำพะยานมาสืบว่า ค. เป็นเพียงพะยานหาใช่ผู้ซื้อได้หรือไม่เห็นว่า โจทก์มีสิทธินำพะยานมาสืบในข้อนี้ได้ เพราะไม่ใช่สืบลบล้างแก้ไขเอกสารอย่างไร แต่เป็นการสืบ อธิบายให้สิ้นสงสัย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ค.ลงชื่อแต่เพียงในฐานเป็นพะยานเท่านั้น ข้อฎีกาของจำเลยที่ว่า ลายพิมพ์นิ้วมือของ จำเลยมีพะยานรับรองแต่เพียงคนเดียวจึงตกไปด้วย จึง พิพากษายืน ตาม ศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยโอนขายส่วนกรรมสิทธิในช้างรายพิพาทให้โจทก์ตามสัญญา ถ้าไม่ยอมยายก็ให้จำเลยคืนเงิน ๒๘๐ บาท ให้โจทก์