แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยินยอมให้ผู้อื่น ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ขับรถยนต์คันที่จำเลยขับ โดยจำเลยนั่งไปด้วยแล้วผู้นั้นขับโดยประมาท เป็นเหตุให้รถชนกับรถคันอื่น มีคนบาดเจ็บสาหัส ดังนี้
จะเอาผิดแก่จำเลยฐานขับรถโดยประมาททำให้คนบาดเจ็บสาหัสไม่ได้ เพราะจำเลยมิได้ขับ และจะปรับเอาผิดฐานขับรถโดยประมาททำให้คนบาดเจ็บสาหัสก็ไม่ได้ เพราะความผิดในฐานที่ทำให้คนบาดเจ็บสาหัสโดยประมาทเป็นการกระทำอีกคั่นหนึ่งต่างหาก ซึ่งเกิดขึ้นจากความประมาทของผู้รับเอง จะถือว่าเป็นการสมคบหรือสมรู้กันกระทำมิได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขับรถยนต์ได้สมคบยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถ ให้ขับรถยนต์บรรทุกไม้ไปคตามถนนหลวง แล้วประมาทปราศจากความระมัดระวังโดยขับรถเร็วเกินสมควร เฉียดรถโดยสารซึ่งนายจำรัสขับมา เป็นเหตุให้ส่วนท้ายรถซึ่งเป็นล้อสำหรับบรรทุกไม้ ชนและกระแทกรถยนต์โดยสาร ล้อหน้าหลุดเสียหาย และผู้โดยสารบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง ๒ ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๙, ๖๓, ๖๕ พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๒๒, ๓๒, ๓๓.
จำเลยทั้ง ๒ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น ฟังว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ขับรถชนกันด้วยความประมาท จึงมีความผิดตามมาตรา ๒๕๙ ก.ม.ลักษณะอาญา ให้จำคุก ๑ ปี ส่วนจำเลยที่ ๑ ยังฟังมิได้ ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ผู้เดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขับรถยนต์ชนกัร การที่จำเลยที่ ๒ ยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ จะว่าจำเลยที่ ๒ สมคบกับจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์โดยประมาทด้วยไม่ได้ เพราะการขับรถเป็นธุระเฉพาะตัว จำเลยที่ ๒ จึงไม่ผิดพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ และเห็นว่า ความผิดในฐานทำให้คนบาดเจ็บสาหัสโดยประมาทเป็นการกระทำอีกคั่นหนึ่งต่างหากซึ่งเกิดจากความประมาทของผู้ขับเอง จะถือว่าเป็นการสมคบหรือสมรู้กันกระทำมิได้ แต่การที่จำเลยที่ ๒ ยอมให้จำเลยที่ ๑ ผู้ไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ ย่อมมีผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์มาตรา ๒๐, ๒๒.
จึงพิพากษาแก้ให้ปรับจำเลยที่ ๒ เป็นเงิน ๕๐ บาท