แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ตามหนังสือสัญญาจะกล่าวว่าเป็นสัญญาขายฝากเครื่องสียนต์ก็ตามแต่ระบุว่าเมื่อมาไถ่ต้องคิดดอกเบี้ยให้ ก็เห็นเจตนาว่ามิได้ทำโอนกรรมสิทธิขายฝากกันจริงและผู้ขายฝากก็ไม่เคยครอบครองทรัพย์นั้นเลย ทั้งมิได้จ่ายเงินให้กันจริงด้วยแล้ว พฤติการณ์ เหล่านี้แสดงว่าไม่มีการขายฝากกัน เป็นการกระทำเพื่อแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะ
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเครื่องสีข้าวของโจทก์ได้มาโดยรับซื้อฝากไว้จากนายเชิ้ม จำเลยเข้าดำเนินงานในโรงสีข้าวนี้โดยพละการจึงขอให้ห้ามและใช้ค่าเสียหายจำเลยให้การว่านายเชิ้มมีหุ้นส่วนในเครื่องสีข้าวแต่กลับไปขอประกาศขายทั้งหมด จำเลยที่ 2 ไปค้านเรื่องระงับไปจึงไปทำขายฝากกันเอง โดยจำเลยที่ 2 ไม่รู้เห็นยินยอม แต่ไม่ได้ชำระเงินกันจริงไม่มีลักษณะขายฝากซึ่งนายเชิ้มไม่มีสิทธิ จำเลยที่ 1, 2 ได้ชำระเงินให้นายเชิ้มแล้ว ส่วนจำเลยที่ 3 ไม่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าเครื่องสีข้าวเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ให้จำเลยที่ 1, 2 ใช้ค่าเสียหาย 370 บาทและยกฟ้องจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 1, 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามหนังสือสัญญาที่นายเชิ้มทำไว้กับโจทก์แม้จะกล่าวว่าเป็นสัญญาขายฝากเครื่องสียนต์ก็ตาม แต่ระหว่างเมื่อมาไถ่ต้องคิดดอกเบี้ยให้จึงพอเห็นเจตนาว่ามิได้ทำโอนกรรมสิทธิ์ขายฝากกันจริงนายเชิ้มไม่เคยครอบครอง (ทรัพย์ที่ขายฝาก) เลยเงินค่าขายฝาก 6,000 บาท ก็น่าเชื่อว่าไม่มีการจ่ายเงินให้กันจริงพฤติการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้แสดงว่าไม่มีการขายฝากระหว่างนายเชิ้มกับโจทก์ นายเชิ้มไม่ได้รับเงินจากโจทก์ เป็นการกระทำเพียงเพื่อแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะ
จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง