คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้หนี้ที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาซื้อขายกับหนี้ค่าปรับที่โจทก์ต้องชำระให้จำเลย อันเกิดจากการที่โจทก์ผิดสัญญาซื้อขายในคราวก่อน จะมีวัตถุแห่งหนี้เป็นการชำระเงินเสมือนกัน แต่เมื่อโจทก์ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่า โจทก์ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาและได้ชำระหนี้ให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้วเช่นนี้ จึงเป็นหนี้ที่ยังมีข้อต่อสู้ไม่อาจนำมาหักกลบลบหนี้กันได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 345

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาขายสินค้าให้จำเลยรวม ๕ รายการ เป็นเงิน ๑,๖๕๙,๒๗๐ บาท โจทก์ได้ส่งมอบสินค้าให้จำเลยรับไว้แล้วคิดเป็นราคาที่จะต้องชำระเป็นเงิน ๑,๖๐๘,๑๔๐ บาท จำเลยชำระให้เพียง ๑,๓๒๓,๔๑๔.๒๕ บาท ส่วนที่เหลืออีก ๒๘๔,๗๒๕.๗๕ บาท จำเลยไม่ยอมชำระอ้างว่าหักเป็นค่าเสียหายที่โจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลยตามสัญญาซื้อขายคราวก่อน ๆ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะหักและไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้จำนวน ๒๘๔,๗๒๕.๗๕ บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ส่งสินค้าให้จำเลยไม่ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินจำนวน ๒๘๔,๗๒๕.๗๕ บาท โจทก์ผิดสัญญาต้องชำระค่าปรับให้จำเลยเป็นเงิน ๗,๙๔๐ บาท จึงฟ้องแย้งขอให้ชำระค่าปรับจำนวนดังกล่าว ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว โจทก์ตกลงขายสินค้าให้จำเลยตามสัญญาคราวก่อนและโจทก์ส่งมอบสินค้าไม่ถูกต้องจนถูกปรับเป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๒๘๔,๗๒๕.๒๕ บาท แต่โจทก์ไม่ยอมชำระ จำเลยจึงใช้สิทธิหักเงินค่าปรับจำนวนดังกล่าวออกจากราคาสินค้าที่โจทก์นำคดีมาฟ้องนี้ จำเลยจึงไม่เป็นหนี้โจทก์
โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ชำระค่าเบี้ยปรับแก่จำเลยเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้หนี้ตามที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในคดีนี้กับหนี้ตามสัญญาซื้อขายในคราวก่อน จะมีวัตถุแห่งหนี้เป็นการชำระเงินเหมือนกัน แต่ก็ได้ความว่าโจทก์ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่าโจทก์ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา และได้ชำระหนี้ให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะกันเงินจำนวนดังกล่าวไว้เพื่อนำไปหักกับหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้ได้ ดังนั้น จำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินจำนวน ๒๘๔,๗๒๕.๗๕ บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่จำเลยผิดนัด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อหักเงินจำนวน ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งศาลล่างทั้งสองได้กำหนดให้โจทก์ต้องชำระเป็นค่าเบี้ยปรับตามฟ้องแย้งให้แก่จำเลยออกแล้ว จำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่เพียง ๒๘๒,๗๒๕.๗๕ บาท เท่านั้น ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์จำนวน ๒๘๒,๗๒๕.๗๕ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่จำเลยผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ

Share