คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีของผู้ร้องเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติทั้งหลายและบริวารของจำเลยผู้ถูกฟ้องขับไล่ซึ่งอยู่บนอสังหาริมทรัพย์และคดีระหว่างโจทก์จำเลยเป็นคดีที่ฟ้องขับไล่บุคคลใดๆออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาทซึ่งคู่ความในคดีฟ้องขับไล่นั้นต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสองเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ว่าศาลจะฟังว่าบุคคลดังกล่าวสามารถแสดงอำนาจวิเศษให้ศาลเห็นได้หรือไม่คดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติทั้งหลายและบริวารของจำเลยจึงห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสาม ฎีกาผู้ร้องที่ว่าแม้ผู้ร้องจะเข้ามาอยู่ในบ้านพิพาทในฐานะบุตรสะใภ้จำเลยแต่จากการนำสืบผู้ร้องได้หย่าขาดกับบุตรจำเลยและอาศัยในบ้านพิพาทในลักษณะแยกครอบครัวจากครอบครัวจำเลยไม่เกี่ยวข้องกันมาเป็นเวลา20ปีแล้วโดยผู้ร้องไม่ได้แยกทะเบียนบ้านใหม่สำเนาทะเบียนบ้านไม่อาจนำมาวินิจฉัยว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยได้เมื่อผู้ร้องได้รับสิทธิให้เข้าอยู่ในแฟลตก็เป็นการยืนยันว่าผู้ร้องมีครอบครัวแยกต่างหากมิได้อยู่อาศัยสิทธิของจำเลยและฎีกาผู้ร้องต่อมาที่ว่าเมื่อโจทก์หรือทางราชการยังมิได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงโดยหาที่อยู่ชั่วคราวให้แก่ผู้ร้องก่อนซึ่งเป็นการต่างตอบแทนตามข้อตกลงและผู้ร้องยังไม่ถูกตัดสิทธิและมีสิทธิได้รับการพิจารณาถึงสิทธิตามบัตรสิทธิผู้ร้องจึงมีอำนาจพิเศษที่จะอยู่อาศัยในบ้านพิพาทต่อไปได้ล้วนเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาที่ว่าผู้ร้องสามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้นั่นเองจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสาม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้จำเลยรื้อถอนอาคารบ้านเลขที่ 166 ออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 5745ตำบลคลองเตย อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร กับเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือน เดือนละ 4,000 บาทนับแต่วันฟ้อง ระหว่างพิจารณาโจทก์ขอให้เรียกสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัติรย์เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาตและภายหลังพิพาทขับไล่จำเลยและบริวาร ให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกจากที่ดินตามฟ้องจำเลยไม่ปฎิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีนำประกาศไปปิดที่บ้านตามฟ้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องปลูกสร้างซ่อมแซมบ้านเลขที่166 ที่พิพาท จำเลยอยู่โดยอาศัยสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยมีสิทธิอยู่อาศัยโดยชอบตามพิธีสารทำขึ้นระหว่างโจทก์ เจ้าของที่ดิน และทางราชการโดยผู้ร้องมีสิทธิจะได้เข้าอยู่ในแฟลต 1 ห้อง ตามพิธีสาร โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้บังคับคดี ผู้ร้องไม่ต้องออกจากบ้านพิพาท ขอให้งดรื้อถอนบ้านพิพาท
โจทก์และโจทก์ร่วมยื่นคำร้องคัดค้านในทำนองเดียวกันว่าข้ออ้างของผู้ร้องมิใช่เหตุแห่งการแสดงอำนาจพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา (3) ผู้ร้องเป็นเพียงผู้อาศัยและบริวารของจำเลย ผู้ร้องไม่มีสิทธิในการเข้าอยู่แฟลต 1 ห้องตามพิธีสาร ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีของผู้ร้องเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติทั้งหลายและบริวารของจำเลยผู้ถูกฟ้องขับไล่ซึ่งอยู่บนอสังหาริมทรัพย์และคดีระหว่างโจทก์จำเลยเป็นคดีที่ฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งคู่ความในคดีฟ้องขับไล่นั้นต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ว่าศาลจะฟังว่าบุคคลดังกล่าวสามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้หรือไม่ คดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติทั้งหลายและบริวารของจำเลยจึงห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสาม ฎีกาผู้ร้องที่ว่าแม้ผู้ร้องจะเข้ามาอยู่ในบ้านพิพาทในฐานะบุตรสะใภ้จำเลยแต่จากการนำสืบผู้ร้องได้หย่าขาดกับบุตรจำเลยและอาศัยในบ้านพิพาทในลักษณะแยกครอบครัวจำเลยไม่เกี่ยวข้องกันมาเป็นเวลา 20 ปีแล้วโดยผู้ร้องไม่ได้แยกทะเบียนบ้านใหม่ สำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมายจ.3 ไม่อาจนำมาวินิจฉัยว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยได้ เมื่อผู้ร้องได้รับสิทธิให้เข้าอยู่ในแฟลตตามเอกสารหมาย ร.1 ก็เป็นการยืนยันว่าผู้ร้องมีครอบครัวแยกต่างหากมิได้อยู่โดยอาศัยสิทธิของจำเลยและฎีกาผู้ร้องต่อมาที่ว่าเมื่อโจทก์หรือทางราชการยังมิได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงตามพิธีสารโดยหาที่อยู่ชั่วคราวให้แก่ผู้ร้องก่อนซึ่งเป็นการต่างตอบแทนตามข้อตกลงและผู้ร้องยังไม่ถูกตัดสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาถึงสิทธิตามบัตรสิทธิเอกสารหมายร.1 ผู้ร้องจึงมีอำนาจพิเศษที่จะอยู่อาศัยในบ้านพิพาทต่อไปได้ล้วนเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาที่ว่าผู้ร้องสามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้นั่นเอง จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาผู้ร้องมาเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับวินิจฉัยให้ได้
พิพากษายก ฎีกา ผู้ร้อง

Share