แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ปรากฏตามหลักฐานในสำนวนว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายแล้ว 3 วัน จึงเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 20 วัน เมื่อนับรวมวันที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายจนออกจากโรงพยาบาลจึงเป็นเวลา 23 วัน ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายได้รับอันตรายแก่กายจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 จำคุก 2 ปี ลดรับกึ่งหนึ่ง จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามรายงานชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องได้ความว่าผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 20 วันไม่เป็นอันตรายแก่กายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 3 เดือน ลดรับกึ่งจำคุก 45 วัน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้เสียหายถูกทำร้ายวันที่ 24 พฤศจิกายน 2509แล้วเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลวันที่ 27 พฤศจิกายน 2509 รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 20 วัน ตามรายงานชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องนับรวมวันที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายจนออกจากโรงพยาบาลเป็นเวลา 23 วันเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ย่อมฟังได้ว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายได้รับอันตรายแก่กายจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วันจริงจำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น