คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาให้ที่ดินมีความว่า ผู้ให้ยอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้รับ โดยความรักเสน่หา เพื่อวัตถุประสงค์ให้จัดทำเป็นอาคารและสถานศึกษา ถ้าผู้รับไม่ปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ผู้ให้มีสิทธิเรียกที่ดินคืนได้ ดังนี้ การที่ผู้รับดำเนินกิจการโรงเรียนตั้งแต่ได้รับให้เป็นต้นมาจนผู้ให้ถึงแก่กรรมนั้น เป็นการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของสัญญาให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงพิพาทแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหามีสิทธิฟ้องร้องเรียกคืนที่ดินแปลงพิพาทไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นผู้จัดการมรดกโดยทั่วไปของนายเทศ นายเทศได้ทำหนังสือยกที่ดินแก่จำเลยที่ ๑ โดยมีเงื่อนไขว่าที่ดินแปลงนี้ให้เพื่อทำเป็นสถานศึกษาโรงเรียนธีราศรมวิทยา ยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้รับโดยเสน่หา ถ้าผู้รับไม่ปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ ผู้ให้มีสิทธิเรียกคืน ต่อมาจำเลยที่ ๑ ขายที่ดินบางส่วนให้แก่จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ เป็นนายอำเภอ จำเลยที่ ๔ เป็นพนักงานที่ดินสมคบร่วมกับโอนที่ดินให้ผิดวัตถุประสงค์ของจำเลยสัญญาให้ ฯลฯ ขอให้เพิกถอนทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสัญญาแบ่งขายที่ดิน ฯลฯ
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธและว่าคดีขาดอายุความ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยตั้งโรงเรียนธีราศรมวิทยาขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ และเปิดทำการสอนใน พ.ศ. ๒๔๘๙ นายเทศ ปิ่นทอง ได้ทำหนังสือสัญญายกให้ที่ดินแปลงพิพาทฉบับที่ ๘/๑๐๒ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๐๑ จำเลยที่ ๑ ได้ดำเนินกิจการของโรงเรียนตลอดมาจนถึง พ.ศ. ๒๕๐๓ จึงได้สร้างโรงเรียนขึ้นใหม่ที่บนควน นายเทศ ปิ่นทอง ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๐๓ หลังจากนายเทศตายแล้วจำเลยที่ ๑ ได้ย้ายนักเรียนชั้นมัธยมไปที่สร้างใหม่ ส่วนนักเรียนชั้นประถมคงอยู่ที่เดิม ต่อมา พ.ศ. ๒๕๐๕ จึงย้ายนักเรียนชั้นประถมไปอยู่ที่ใหม่จนหมดสิ้น จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาแบ่งขายที่พิพาทเนื้อที่ ๓๕ ตารางวา ให้แก่จำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๐๕
ตามสัญญาให้ที่ดินแปลงพิพาทฉบับที่ ๘/๑๐๒ ข้อ ๓ มีว่า “ที่ดินแปลงนี้ขอตีราคาเป็นเงิน ๔๔๐,๐๐๐ บาท เพื่อทำเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียน โรงเรียนธีราศรมวิทยา ที่ดินนี้ผู้ยอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้รับให้โดยความรักใคร่เสน่หา เพื่อวัตถุประสงค์ให้จัดทำเป็นอาคารและสถานศึกษาโรงเรียนธีราศรมวิทยา ถ้าผู้รับให้ไม่ปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ ผู้ให้มีสิทธิเรียกที่ดินคืนได้โดยพลันตามกฎหมาย”
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๑ ได้ดำเนินกิจการโรงเรียนธีราศรมวิทยาตั้งแต่ได้รับให้ที่ดินแปลงพิพาทเป็นต้นมาจนนายเทศ ปิ่นทอง ถึงแก่กรมนั้น เป็นการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของสัญญาให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงพิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หานั้นแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกนายเทศหามีสิทธิฟ้องเรียกคืนที่ดินแปลงพิพาทนี้ไม่
พิพากษายืน

Share