แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เกี่ยวกับที่พิพาทปรากฎในคำขอร้องรังวัดของโจทก์ว่า โจทก์ยินยอมขอให้รังวัดตั้งแต่ทางเกวียนจนจดถนนสาย 22 เป็นที่สาธารณะประโยชน์ คำขอเช่นว่านี้ก็เสมือนคำขออุทิศเป็นลายลักษณ์อักษรของโจทก์นั้นเอง
การอุทิศให้เป็นที่สาธารณะประโยชน์นี้ ไม่จำต้องแก้โฉนดก็ใช้บังคับได้ ตามนัยฎีกาที่ 765/2498
ฎีกาที่ 765/2498
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจปลูกโรงจากเป็นตลาดรุกล้ำที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ ๓๑๕๙ จังหวัดชลบุรี ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารรื้อถอนกับใช้ค่าเสียหาย ๙๐๐ บาท
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ได้สละที่ดินพิพาทให้เป็นที่สาธารณะประโยชน์แล้วโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และจำเลยไม่ได้รุกล้ำที่โจทก์ดังฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนโรงมุงจากออกจากที่พิพาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามอัตราที่ตกลงกันเดือนละ ๖๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ได้ยกที่พิพาทให้เป็นที่สาธารณะแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่าคำขอรังวัดลงวันที่ ๑๖ ก.ย.๘๙ โจทก์ยินยอมขอให้รังวัดตั้งแต่ทางเกวียนจนจดถนนสาย ๒๒ เป็นที่สาธารณะประโยชน์ คือ ที่พิพาททั้ง ๘๔ ตารางวา คำขอนี้ก็เสมือนคำขออุทิศเป็นลายลักษณ์อักษรของโจทก์นั่นเอง เป็นการย้ำคำอุทิศด้วยปากเปล่าของโจทก์แก่นายสาวิตรนายอำเภอ ทั้งคำขอฉบับลงวันที่ ๒๐ ม.ค.๙๒ ก็มีใจความยืนยันความประสงค์ตามคำขอฉบับลงวันที่ ๑๖ ก.ย.๘๙ อยู่
การอุทิศให้เป็นที่สาธารณะประโยชน์นี้ ไม่จำต้องแก้โฉนดก็ใช้บังคับได้ตามนัยฎีกาที่ ๗๖๕/๒๔๙๘ ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีโจทก์นายเนต มีศักดา ที่ ๑ นายสมควร มีศักดา ที่ ๒ จำเลย
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์