คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกฟ้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และได้แต่งตั้งพนักงานอัยการให้เป็นทนายความแก้ต่างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 61 เมื่อจำเลยชนะคดี ศาลมีอำนาจที่จะให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงรวมทั้งค่าทนายความตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้แก่จำเลยได้ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการประจำกรมศุลกากรจำเลยที่ 2 มีตำแหน่งเป็นนายด่านศุลกากร เจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดสินค้าของโจทก์พร้อมด้วยพาหนะเรือ โดยหาว่านำสินค้าเข้าบริเวณพิเศษในเขตควบคุมศุลกากรอำเภออรัญประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานตำรวจได้ฝากสินค้าของกลางให้อยู่ในความรักษาของจำเลยที่ 1 โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยที่ 1 ว่าเป็นเจ้าของสินค้านั้น และขอสินค้าคืน จำเลยที่ 1 ไม่ยอมคืนให้ การที่จำเลยที่ 1 ยึดสินค้าของโจทก์ไว้เป็นการจงใจทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนสินค้าตามบัญชีท้ายฟ้องให้โจทก์ หากคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคาทรัพย์แก่โจทก์

จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของสินค้าตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของสินค้าตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่างว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของสินค้าของกลางตามฟ้อง อัยการเป็นข้าราชการประจำรับเงินเดือนจากกรมอัยการมิใช่เข้ามาแก้คดีโดยการว่าจ้างของจำเลยทั้งสองนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยคดีนี้ถูกฟ้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และได้แต่งตั้งพนักงานอัยการให้เป็นทนายความแก้ต่างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 61 เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี ศาลมีอำนาจที่จะให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง รวมทั้งค่าทนายความตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้แก่จำเลยได้ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

พิพากษายืน

Share