คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันเกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นภริยาผู้เสียหายนอนเฝ้าห้างนาเพียงคนเดียว ผู้เสียหายไปดื่มสุรากับเพื่อน เพิ่งไปหาจำเลยเมื่อเวลา 24 นาฬิกา และให้จำเลยไปหาข้าวมาให้ผู้เสียหายรับประทานจำเลยต้องเดินไปเอาข้าวที่บ้านซึ่งอยู่ห่างห้างนา 3 เส้น เมื่อเอามาแล้วผู้เสียหายไม่ยอมรับประทาน กลับบ่นว่าจำเลย และยังพูดถึงภรรยาน้อยอีกด้วย การกระทำของผู้เสียหายเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัดโดยเจตนาฆ่ากระสุนปืนถูกที่บริเวณศีรษะและใบหน้า แต่แพทย์ทำการรักษาทันท่วงทีผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายเพียงแต่ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 วางโทษจำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นภริยาผู้เสียหายได้ใช้ปืนยิงผู้เสียหายด้วยเจตนาฆ่าส่วนข้อที่ว่าจำเลยได้กระทำโดยบันดาลโทสะหรือไม่นั้น เห็นว่าวันเวลาเกิดเหตุจำเลยนอนเฝ้าห้างนาเพียงคนเดียว ผู้เสียหายไปดื่มสุรากับเพื่อน เพิ่งไปหาจำเลยเวลาประมาณเที่ยงคืน และให้จำเลยไปหาข้าวมาให้รับประทาน จำเลยต้องเดินไปเอาข้าวที่บ้านซึ่งอยู่ห่างห้างนาประมาณ 3 เส้น เมื่อเอามาแล้วผู้เสียหายไม่ยอมรับประทานกลับบ่นว่าจำเลย และยังพูดถึงภรรยาน้อยอีกด้วย การกระทำของผู้เสียหายดังกล่าวเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 72 ลงโทษจำคุก 2 ปี จำเลยเป็นหญิงไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน สมควรรอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี

Share