คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดร่วมกันต่อโจทก์การที่จำเลยคนหนึ่งแถลงรับข้อเท็จจริงอย่างใดในศาลแล้ว คำรับนั้นย่อมใช้ยันตลอดไปถึงจำเลยคนอื่น ๆ ที่รับผิดร่วมกันนั้นได้ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ขายไม้ที่พิพาท ๔ ต้นให้แก่โจทก์ โจทก์ชักลากไปไว้ที่ท่าน้ำแล้วมอบให้จำเลยที่ ๑ รักษาไว้ ครั้นต่อมา จำเลยที่ ๑ เอาไม้นี้ไปขายให้แก่จำเลยที่ ๓ โดยจำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนและจำเลยทั้ง ๓ รู้อยู่ว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีสิทธิขาย ขอให้บังคับจำเลยคืนหรือใช่ราคาไม้.
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยคืนไม้รายพิพาทแก่โจทก์
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ ๑ แถลงรับไว้ในรายงานพิจารณาของศาลว่า จำเลยที่ ๑ ได้ร้องขอต่อเจ้าพนักงานจะขายไม้ ๒๕ ต้นให้แก่โจทก์ แต่ไม้ ๒๕ ต้นนี้ต่อมาโจทก์ตกลงซื้อเพียง ๔ ต้นเท่าที่พิพาทกันนี้ ที่ขายให้แก่จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ นั้น ในจำนวน ๒๕ ต้นเหมือนกันแต่คนละต้นกับที่โจทก์ฟ้อง และโจทก์นำสืบว่าโจทก์ตกลงซื้อไม้ ๔ ต้นที่พิพาทกันนี้จริงสมกับที่จำเลยแถลงนั้น แสดงให้เห็นว่าการที่จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ชักลากไม้รายนี้ไปนั้นเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและจำเลยจะต้องรับผิดร่วมกันต่อโจทก์ การที่จำเลยที่ ๑ แถลง
รับในรายงานพิจารณาเช่นนี้เป็นกรณีซึ่งเกี่ยวกับจำเลยจะต้องรับผิดร่วมกัน จึงย่อมรับฟังเป็นพะยานหลักฐานใช้ยันจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ได้ฯลฯ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share