แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีความผิดอาญาแผ่นดินที่ราษฎรเป็นโจทก์จำเลยฎีกา ส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ เพราะโจทก์ถึงแก่กรรม นั้น ก็ไม่เป็นเหตุขัดข้องแก่การดำเนินคดีต่อไป ถือได้ว่า โจทก์ไ+ฟ้องร้องแทนแผ่นดิน ฉะนั้น ศาลฎีกาจึงทำการพิจารณาพิพากษาต่อไปได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2504
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธ ได้บังอาจใช้กำลังกายและมือเข้ากอดคอนายเปรียงบุตราชายโจทก์ทางข้างหลัง แล้วจำเลยให้มีดแทงนายเปรียงถูกตามร่างกายหลายแพ่ง โดยความไตร่ตรองไว้ก่อน และนายเปรียงได้ถึงแก่ความตายด้วยพิษบาดแผนในคืนเกิดเหตุ ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายเปรียงถูกจำเลยแทงตายเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ให้จำคุกจำเลย ๓ ปี คำรับของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษ ๑ ใน ๓ ให้จำคุกจำเลย ๒ ปี และให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดห้าปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑๘ ปี ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ปราณีลดโทษให้ ๑ ใน ๓ คงเหลือโทษจำคุกจำเลย ๑๒ ปี
จำเลยฎีกา แต่ส่งสำเนาฎีกาให้แก่นายช่วงโจทก์ไม่ได้ เพราะนายช่วงถึงแก่กรรมไปเสียแล้ว
มีปัญหาข้อกฎหมายที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาวินิจฉัยไว้ว่า คดีนี้ การที่โจทก์ฟ้องคดีถือได้ว่าโจทก์ฟ้องร้องแทนแผ่นดิน อีกประการหนึ่ง คดีนี้เป็นคดีความผิดอาญาไม่ใช่ประเภทอันยอมความได้ โจทก์จึงไม่อาจถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความในชั้นฎีกาได้อย่างความผิดประเภทที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่ายอมความได้ และในชั้นนี้โจทก์ถึงแก่กรรมไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุขัดข้องแก่การดำเนินคดีต่อไป ศาลฎีกาพึงทำการพิจารณาพิพากษาต่อไปได้
พิพากษายืน