แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบรรยายว่า ในการตรวจนับคะแนน ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ร้องกรรมการก็จงใจตัดสินให้เป็นบัตรเสีย แต่ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้ง ถึงแม้จะเป็นบัตรเสีย กรรมการก็จงใจนับให้เป็นบัตรดี ซึ่งบัตรเสียบัตรดีเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 บัตร มิได้กล่าวว่าบัตรเสียนั้นมีลักษณะอย่างไร เสียอย่างไร กรรมการนับบัตรเสียเป็นบัตรดีจำนวนเท่าไร นับบัตรดีเป็นบัตรเสียจำนวนเท่าไรและที่ว่าเพิ่มคะแนนเลือกตั้ง ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่นจงใจนับคะแนนให้ผิดพลาดจากความเป็นจริง ก็ไม่ได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเสมียนคะแนน ผู้ควบคุมหน่วยเลือกตั้งหน่วยใดเพิ่มคะแนนเลือกตั้งให้ผู้สมัครคนใดจำนวนเท่าใดใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่นนั้นเป็นใครบ้าง และที่ว่าจงใจนับคะแนนให้ผิดจากความจริง ผิดไปเป็นจำนวนเท่าใด จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง มิได้กล่าวว่าให้เงินแก่ผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใดบ้างและที่ว่าผู้ได้รับเลือกตั้งจัดยานพาหนะ คือรถยนต์ให้แก่ผู้เลือกตั้งโดยไม่เสียค่าพาหนะนั้น ไม่ทราบว่ายานพาหนะจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้เลือกตั้งที่รับไปลงคะแนนมีจำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงผลของการเลือกตั้งหรือไม่จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถยนต์โดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 15 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดอ่างทองกับกรุงเทพมหานครว่า จะติดต่อวิ่งเต้นกับทางราชการไม่ให้รถยนต์โดยสารของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 99 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานครวิ่งรับคนโดยสารที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกต่อไป เพราะจะทำให้รถยนต์โดยสารสาย 15 ขาด ผลประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถยนต์โดยสารเหล่านั้นลงคะแนนเลือกตั้งให้นั้นตามคำร้องมิได้กล่าวว่าจูงใจใครบ้างที่ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารจึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งติดต่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอป่าโมกอำเภอโพธิ์ทอง ที่มีหน่วยเลือกตั้งตั้งอยู่หลายสิบวัดรับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้นเพื่อขอให้เจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดนั้น ๆ จูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ทราบว่าจะให้เงินแก่วัดใด จำนวนเท่าใด และเพียงแต่รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น ไม่ทราบว่าวัดไหนหรือคณะกรรมการวัดไหนตกลงจะช่วยเหลือบ้างหรือมีการช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2519 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จังหวัดอ่างทอง มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สองคน มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง 16 คน ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งคนหนึ่ง ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าลำดับที่ 1 นายหิรัญ ช่วงฉ่ำ ได้ 25,857 คะแนน ลำดับที่ 2 นายสุรชัยบุญแสง ได้ 14,542 คะแนน ส่วนผู้ร้องได้ 14,197 คะแนน เป็นลำดับที่ 3ผู้ร้องเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นไปมิชอบ เพราะเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนและเสมียนคะแนน สมคบกันกระทำการทุจริตเพิ่มคะแนนเลือกตั้ง ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่น จงใจนับคะแนนให้ผิดพลาดจากความเป็นจริง และผู้ได้รับเลือกตั้งได้ให้เงินแก่ผู้เลือกตั้ง จัดยานพาหนะรับส่งโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสาร ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถโดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด ว่าจะติดต่อกับทางราชการไม่ให้รถยนต์ของบริษัทขนส่งจำกัดวิ่งรับคนโดยสาร และรับว่าจะให้เงินแก่วัดต่าง ๆ โดยขอให้เจ้าอาวาสจูงใจผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนนให้ จึงขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่าการเลือกตั้งมิชอบให้มีการเลือกตั้งใหม่
ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองและนายหิรัญ ช่วงฉ่ำ นายสุรชัย บุญแสงผู้ได้รับเลือกตั้งยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ การดำเนินการเลือกตั้งเป็นไปโดยเปิดเผย ต้องขานชื่อบุคคลผู้มาใช้สิทธิให้ได้ยินและรู้เห็นทั่วกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่น การตรวจนับคะแนนถูกต้อง ที่ผู้ร้องว่าหากมีการตรวจนับคะแนนใหม่จะได้คะแนนมากกว่านายสุรชัย บุญแสง ผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งเป็นที่ 2 นั้นเป็นการเข้าใจหรือคาดคะเนเอาเอง และตัดคำร้องว่าเป็นคำร้องเคลือบคลุมขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นสั่งงดการไต่สวน ทำความเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องเป็นคำร้องเคลือบคลุม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
1. คำร้องที่ว่า ในการตรวจนับคะแนน โดยถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ร้องกรรมการก็จงใจตัดสินให้เป็นบัตรเสีย แต่ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้งทั้งสอง ถึงแม้จะเป็นบัตรเสีย กรรมการก็จงใจนับให้เป็นบัตรดีซึ่งบัตรเสียบัตรดีเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 บัตร พิเคราะห์แล้วเห็นว่า บัตรเลือกตั้งที่ให้ถือเป็นบัตรเสียมีถึง 5 กรณีด้วยกัน แต่คำร้องมิได้กล่าวว่าบัตรเสียนั้นมีลักษณะอย่างไร เสียอย่างไร กรรมการนับบัตรเสียเป็นบัตรดีจำนวนเท่าใด นับบัตรดีเป็นบัตรเสียจำนวนเท่าใด และที่ว่าเพิ่มคะแนนเลือกตั้ง ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่น จงใจนับคะแนนให้ผิดพลาดจากความเป็นจริง ก็ไม่ได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน และเสมียนคะแนน ผู้ควบคุมหน่วยเลือกตั้งหน่วยใดเพิ่มคะแนนเลือกตั้งให้ผู้สมัครคนใด จำนวนเท่าใด ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่น ๆ นั้น เป็นใครบ้าง และที่ว่าจงใจนับคะแนนให้ผิดจากความจริง ผิดไปเป็นจำนวนเท่าใด
2. คำร้องที่ว่า นายหิรัญ ช่วงฉ่ำ และนายสุรชัย บุญแสง ให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง ในคำร้องก็มิได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าให้เงินแก่ผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใดบ้าง ส่วนที่ว่าบุคคลทั้งสองจัดยานพาหนะคือรถยนต์ให้แก่ผู้เลือกตั้งโดยไม่เสียค่าพาหนะนั้น ไม่ทราบว่ายานพาหนะจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้เลือกตั้งที่รับไปลงคะแนนมีจำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงผลของการเลือกตั้งหรือไม่
3. คำร้องที่ว่า นายหิรัญ ช่วงฉ่ำ ผู้ได้รับเลือกตั้งคนหนึ่ง ได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถยนต์โดยสารร่วมของบริษัทขนส่ง จำกัด สาย 15 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดอ่างทองกับกรุงเทพมหานคร ว่าจะติดต่อวิ่งเต้นกับทางราชการไม่ให้รถยนต์โดยสารของบริษัทขนส่ง จำกัด สาย 99 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานคร วิ่งรับคนโดยสารที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกต่อไป เพราะจะทำให้รถยนต์โดยสาร สาย 15 ขาดผลประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถยนต์โดยสารเหล่านั้นลงคะแนนเลือกตั้งให้นั้น ตามคำร้องก็มิได้กล่าวว่าจูงใจใครบ้าง ที่ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร
4. คำร้องที่ว่า นายสุรชัย บุญแสง ผู้ได้รับเลือกตั้งคนหนึ่ง ติดต่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอป่าโมก อำเภอโพธิ์ทอง ที่มีหน่วยเลือกตั้งตั้งอยู่หลายสิบวัด รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น เพื่อขอให้เจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดนั้น ๆ จูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ทราบว่าจะให้เงินแก่วัดใด จำนวนเท่าใด และเพียงแต่รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น ไม่ทราบว่าวัดไหนหรือคณะกรรมการวัดไหนตกลงจะช่วยเหลือบ้าง หรือมีการช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง
ดังกล่าวแล้วนี้เห็นว่า คำร้องของผู้ร้องไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 จึงให้ยกคำร้องของผู้ร้องเสีย