แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แจ้งให้ตำรวจจับโจทก์ ตำรวจไม่ฟ้อง จำเลยก็ฟ้องโจทก์เองศาลพิพากษายกฟ้อง ถ้าเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตไม่เป็นละเมิด
ย่อยาว
คดีเดิมจำเลยแจ้งข้อหาต่อตำรวจว่า โจทก์ปลอมเครื่องหมายการค้าและปลอมหนังสือ ตำรวจจับโจทก์มาดำเนินการสอบสวน แล้วปล่อยโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่ผิด ต่อมาจำเลยนำคดีเรื่องนั้นเองขึ้นฟ้องต่อศาล จนถึงศาลฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีความผิดให้ยกฟ้องคดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยด้วยข้อหาละเมิดเรียกค่าสินไหมทดแทน
จำเลยให้การว่า การที่จำเลยแจ้งข้อหาต่อตำรวจ และการที่จำเลยฟ้องโจทก์ต่อศาลนั้นเป็นการกระทำโดยสุจริต คำให้การอย่างอื่นยังมีอีกไม่จำต้องกล่าว
ชั้นพิจารณา สำหรับประเด็นที่ว่าจำเลยละเมิดต่อโจทก์หรือไม่คู่ความให้ศาลชั้นต้นพิจารณาโดยอาศัยข้อเท็จจริงในสำนวนคดีอาญาที่โจทก์จำเลยว่ากล่าวกันมาแล้ว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่ใช่กลั่นแกล้งเป็นการใช้สิทธิทางศาล ทั้งคดีอาญานั้นเล่าก็มิใช่ปราศจากมูลศาลพิพากษายกฟ้องคดีนี้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้เช่นที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้น จำเลยใช้สิทธิทางศาล และเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต ไม่เป็นละเมิด
ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแก่จำเลย 500 บาท