คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2473

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตรัสตี หน้าที่รับผิดชอบเพียงไร ผัวเมีย เมียทำพินัยกรรม ผัวรับรอง ใช้ได้ ผู้ครองทรัพย์มฤดกอยู่ถูกฟ้องเปนจำเลยได้

ย่อยาว

นายลำปั้น นางอุ่มเปนสามีภรรยากัน มีสินบริคณห์หลายอย่าง ก่อนนางอุ่มตายได้พินัยกรรมแบ่งทรัพย์เหล่านั้นจากนายลำปั้นยกให้แก่โจทก์ คือ ตัวเงินสด ๘๐๐๐ บาท ทองคำหนัก ๘๐ บาท นาทุ่งพง ทุ่งยาว ทุ่งสำนักจั่น กับเรือน และขอมอบทรัพย์นั้นให้นายลำปั้นรักษาไว้ ถ้านายลำปั้นตายแล้วจึงยกให้โจทก์ ถ้านายลำปั้นเอาเงิน ๘๐๐๐ บาทไปทำทุนกับเมียใหม่ ต้องคิดดอกให้โจทก์ชั่งละบาทต่อเดือน และให้นายลำปั้นเก็บค่าเช่านา ๓ แปลงไว้ให้แก่โจทก์ด้วย นายลำปั้นสามีได้ลงนามรับรองไว้ในพินัยกรรมยอมให้นางอุ่มแบ่งทรัพย์ตามที่กล่าวนั้นได้
ส่วนนายลำปั้นกับจำเลยได้ร่วมกันทำพินัยกรรมว่าได้ยกเงินให้แก่โจทก์ ๑๓๕๔๒ บาทเพื่อทำโรงสี จึงไม่ยกอะไรให้อีก และยกทรัพย์อย่างอื่น ๆ ให้แก่บุตร์ซึ่งเกิดกับจำเลย
ทางพิจารณาปรากฏว่าโจทก์เคยไปขอเงินตามพินัยกรรมจากนายลำปั้น ๆ ไม่ให้
ศาลเดิมตัดสินว่าเมื่อนายลำปั้นไม่ยอมคืนเงินให้แก่โจทก์ ตั้งแต่วันนั้นนายลำปั้นหมดหน้าที่ปกครองทรัพย์แทนโจทก์ เปลี่ยนเปนการปกครองปรปักษ์เกิน ๑๐ ปี โจทก์ไม่มีส่วนได้ตามพินัยกรรม ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว ศาลอุทธรณ์ฟังว่านายลำปั้นเปนตรัสตี จะปกครองปรปักษ์ไม่ได้ ให้โจทก์ได้รับเงินตามพินัยกรรม ส่วนดอกเบี้ยและค่าเช่านาโจทก์สืบไม่ได้ว่านายลำปั้นเอาเงนไปทำทุนกับเมียใหม่และเก็บค่าเช่านาได้เท่าไร ให้ยกเสีย
โจทก์ฎีกาขอดอกเบี้ยกับค่าเช่า จำเลยฎีกาว่าพินัยกรรมนางอุ่มใช้ไม่ได้ และจำเลยไม่ใช่คนรับมฤดกฟ้องจำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้จำเลยใช้เงินตามพินัยกรรม จำเลยจึงมีสิทธิที่จะคัดค้านพินัยกรรมนั้นในชั้นศาลฎีกาได้ เหตุที่จำเลยไม่คัดค้านชั้นอุทธรณ์ ก็เพราะจำเลยชนะความโจทก์และศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า พินัยกรรมของนางอุ่มใช้ได้ เพราะสามีลงนามรับรองแล้ว และสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามพินัยกรรมยังไม่เกิดขึ้นจนกว่านายลำปั้นจะตาย และศาลฎีกาเชื่อคำในพินัยกรรมของนายลำปั้นว่าได้ให้เงินโจทก์ ๑๓๕๔๒ บาทแล้ว โจทก์จึงฟ้องเรียกเงิน ๘๐๐๐ บาทตามพินัยกรรมไม่ขึ้น ส่วนดอกเบี้ยกับค่าเช่านาที่โจทก์เรียกไม่ปรากฏว่าได้รับเท่าใด โดยหน้าที่ผู้รักษาทรัพย์มฤดกเช่นนี้ต้องรับผิดชอบ ข้อที่จำเลยเถียงว่าไม่ใช่ผู้รับมฤดกจะถูกฟ้องไม่ได้นั้นปรากฏว่าทรัพย์มฤดกนี้ยังคงอยู่ในความครอบครองของจำเลย โจทก์จึงฟ้องจำเลยได้ ให้จำเลยคืนนาทุ่งยาวกับทุ่งสำนักจั่น กับทองคำหนัก ๘๐ บาทคิดเปนราคา ๑๖๐๐ บาทให้แก่โจทก์

Share