แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่กฎหมายกำหนดโทษอย่างต่ำในความผิดอย่างหนึ่งไว้ ศาลจะลงโทษจำเลยในความผิดอย่างนั้นต่ำกว่าอัตราที่กำหนดไว้นั้นไม่ได้
ในคดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 7 ปี ศาลอุทธรณ์แก้เป็น 4 ปี ในบทและมาตราเดียวกันเช่นนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อเท็จจริงมิได้
ย่อยาว
ในคดีทั้ง ๒ สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านายฮวด นายปลื้มจำเลยมีความผิดฐานปลอมใบสำคัญถิ่นที่อยู่อันเป็นหนังสือสำคัญในราชการตามกฎหมายอาญา ม.๒๒๔-๒๒๖-๒๒๗-๒๓๐-๒๑๒ และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.๒๔๗๐ ม.๑๕-๑๔ ให้จำคุก คนละ ๗ ปี ปรับคนละ ๕๐ บาท นายอึ้งเต็กหวองมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๒๔-๒๒๖-๒๒๗ และ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พงศ.๒๔๗๐ ม.๑๔-๑๕ ฐานที่ตนมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอประทุมวัน แต่กลับไปสมคบกับนายฮวดและนายปลื้มผู้เป็นเจ้าพนักงานจดข้อความลงในหนังสืออนุญาตให้ออกจากพระราชอาณาจักรว่ามีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอประทุมวัน ส่วนนางตั้งฮุ้นยังไม่มีความผิดให้ปล่อยตัวไป
ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าตามข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่านายฮวดได้สมคบร่วมคิดในการกระทำผิดในสำนวนที่ ๑ ด้วย ส่วนนายปลื้มนั้นเห็นพ้องด้วยกันกับศาลชั้นต้นว่าได้ทำผิดดังโจทก์ฟ้องจริง สำหรับในสำนวนที่ ๒ พะยานหลักฐานโจทก์ยังอ่อนมากจึงฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ แม้นายอึ้งเต็กหวองมิได้อุทธรณ์มาก็ดีก็ปล่อยตัวไปได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษนายปลื้มแต่ผู้เดียวตามมาตรา ๒๒๔-๒๓๐-๒๑๒ แห่งกฎหมายอาญา และพ.ร.บ.คนเข้าเมือง ม.๑๕ จำคุก ๔ ปี ปรับ ๕๐ บาท จำเลยอื่นให้ปล่อยตัวไป
โจทก์และนายปลื้มฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่านายปลื้มฎีกามิได้ตาม ม.๒๑๘ แห่งประมวลวิธีพิจารณาอาญา และการที่นายปลื้มแถลงอ้าง ม.๒๑๓-๒๒๕ ขึ้นมานั้นเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีเรื่องนี้สำหรับฎีกาโจทก์นั้นเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ว่าในสำนวนที่ ๑ ยังฟังไม่ได้ว่านายฮวดได้สมคบกับนายปลื้ม และในสำนวนที่ ๒ นั้นหลักฐานของโจทก์อ่อนมากจะลงโทษจำเลยไม่ได้ แต่ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษ นายปลื้ม ๔ ปี ตามมาตรา ๒๓๐ นั้นเมื่อกำหนดโทษอย่างต่ำในมาตรา ๒๓๐ มีกำหนด ๕ ปี เช่นนี้จึงมิชอบ จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกนายปลื้มตามมาตรา ๒๓๐ มีกำหนด ๕ ปี ลดตาม ม.๕๙ เสีย ๑ ปี นอกนั้นยืนตามศาลอุทธรณ์