แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จะรอฟังคดีอาญาหรือไม่ อยู่ในดุลพินิจของศาล ไม่จำเป็นต้องรอฟังเสมอไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ซึ่งเป็นสามีภริยากัน ได้กู้ยืมเงินโจทก์และค้ำประกันหลายครั้ง รวมเป็นเงินที่ค้างอยู่ทั้งสิ้น ๕๓,๗๕๐ บาท จำเลยไม่มีทรัพย์อะไรอีก นอกจากเงินเดือนถือว่าเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด ให้กองทรัพย์สินจำเลยใช้เงินแก่โจทก์ แล้วมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด ฯลฯ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าศาลควรจะรอฟังคดีอาญาที่จำเลยฟ้องโจทก์ เรื่องปลอมเอกสารการกู้รายนี้ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ตามสำนวนคดีดำที่ ๑๑๓๓/๒๕๐๘ จึงจะชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การจะรอฟังคดีอาญาหรือไม่ อยู่ในดุลพินิจของศาล ไม่จำเป็นต้องรอฟังเสมอไป ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน.