คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1195/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้แผนฟื้นฟูกิจการซึ่งศาลมีคำสั่งเห็นชอบแล้ว ผูกมัดเจ้าหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้และเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ และคำสั่งที่ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจะไม่กระทบถึงการใดที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือผู้บริหารแผนได้กระทำไปแล้วก่อนศาลมีคำสั่งดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/60 และมาตรา 90/76 ก็ตาม แต่การที่ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ย่อมมีผลทำให้คำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนเป็นอันถูกยกเลิกเพิกถอนไปในตัว ข้อกำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งเกิดขึ้นเมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนย่อมสิ้นผลไปด้วย ทำให้สิทธิและหน้าที่ของเจ้าหนี้ย่อมกลับไปเป็นดังเดิมที่มีอยู่ก่อนศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ
เมื่อข้อกำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการในคดีก่อนสิ้นผลไปด้วยเหตุที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ลูกหนี้จะนำเงินบางส่วนที่ได้ชำระหนี้ไปหักกับต้นเงินตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการย่อมไม่ได้ อย่างไรก็ตามการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการไม่มีผลกระทบและถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้โดยชอบ แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าการชำระหนี้ของลูกหนี้ดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะเปลื้องหนี้สินได้ทั้งหมด จึงต้องนำไปจัดใช้เป็นค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยตามลำดับเสียก่อน ในที่สุดจึงให้ใช้ในการชำระหนี้อันเป็นประธานตาม ป.พ.พ. มาตรา 329 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และแต่งตั้งลูกหนี้เป็นผู้ทำแผน ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2553 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนโดยมีลูกหนี้เป็นผู้บริหารแผน
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการในมูลหนี้หนังสือค้ำประกันและค่าธรรมเนียมการออกหนังสือค้ำประกันเป็นเงิน 4,676,459.40 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 3,710,410.82 บาท นับแต่วันถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะได้รับชำระเสร็จจากลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้บรรดาเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ทำแผนตรวจคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/29 แล้ว ปรากฏว่าผู้ทำแผนโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้ว่า มูลหนี้ที่ขอรับชำระหนี้เป็นหนี้ที่มีเงื่อนไข ซึ่งลูกหนี้จะต้องรับผิดต่อเมื่อเจ้าหนี้ได้ชดใช้เงินตามหนังสือค้ำประกันต่อบุคคลภายนอกเสียก่อน แต่เจ้าหนี้มิได้แสดงหลักฐานว่ามีการชำระหนี้ตามหนังสือค้ำประกันจริง มูลหนี้ที่ขอรับชำระหนี้มีการชำระหนี้แล้วทั้งหมดหรือบางส่วน เจ้าหนี้คำนวณหนี้และดอกเบี้ยไม่ถูกต้องตามที่ตกลงกัน อัตราดอกเบี้ยเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน สำหรับค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย และเบี้ยปรับ ลูกหนี้มิได้ผิดนัด จึงไม่มีหนี้ต่อกันจริง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้หนังสือค้ำประกันและค่าธรรมเนียมการออกหนังสือค้ำประกันเป็นเงิน 4,100,780.10 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 2,447,955.92 บาท นับแต่วันถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะได้รับชำระเสร็จจากลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/32 วรรคสอง (3) ส่วนที่ขอเกินมาให้ยกเสีย
ผู้บริหารแผนยื่นคำร้องคัดค้านขอให้มีคำสั่งแก้ไขคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการในมูลหนี้หนังสือค้ำประกันและค่าธรรมเนียมการออกหนังสือค้ำประกันเป็นเงิน 2,047,276.52 บาท ส่วนคำขออื่นให้ยกทั้งสิ้น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าหนี้ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้บริหารแผนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้บริหารแผนมีว่า คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ให้ยกคำร้องของผู้บริหารแผนชอบหรือไม่ เห็นว่า แม้แผนการฟื้นฟูกิจการซึ่งศาลมีคำสั่งเห็นชอบแล้ว ผูกมัดเจ้าหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้และเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ และคำสั่งที่ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจะไม่กระทบถึงการใดที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือผู้บริหารแผนได้กระทำไปแล้วก่อนศาลมีคำสั่งดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/60 และมาตรา 90/76 ก็ตาม แต่การที่ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ย่อมมีผลทำให้คำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนเป็นอันถูกยกเลิกเพิกถอนไปในตัว ข้อกำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งเกิดขึ้นเมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนย่อมสิ้นผลไปด้วย ทำให้สิทธิและหน้าที่ของเจ้าหนี้ย่อมกลับไปเป็นดังเดิมที่มีอยู่ก่อนศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติแล้วว่า ก่อนคดีนี้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ในคดีหมายเลขแดงที่ พ.1313/2544 ย่อมมีผลทำให้คำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนในคดีดังกล่าวถูกยกเลิกเพิกถอนไป ข้อกำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ในคดีดังกล่าวที่ให้นำเงินที่ลูกหนี้ชำระหรือวิธีการแปลงหนี้เป็นทุนไปชำระหนี้ของเจ้าหนี้ในฐานะเจ้าหนี้กลุ่มที่ 3 ในส่วนต้นเงินก่อน และเจ้าหนี้ยอมปลดหนี้ในส่วนดอกเบี้ย เบี้ยปรับและค่าฤชาธรรมเนียมต่างๆ นั้น อันเป็นความผูกพันตามแผนซึ่งเกิดขึ้นเมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนในคดีก่อนย่อมสิ้นผลไปด้วย สิทธิและหน้าที่ของเจ้าหนี้ย่อมกลับไปเป็นดังเดิมที่มีอยู่ก่อนศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ส่วนที่ลูกหนี้ชำระหนี้บางส่วนของจำนวนหนี้ที่ผู้คัดค้านที่ 2 ขอรับชำระหนี้และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อนุญาตให้ได้รับชำระหนี้ โดยชำระเป็นเงินสดจำนวน 252,742.86 บาท และวิธีการแปลงหนี้เป็นทุนคิดเป็นเงิน 400,679.30 บาท คงมีผลเพียงทำให้หนี้ของลูกหนี้ที่มีต่อเจ้าหนี้เป็นอันระงับไปเท่าจำนวนที่เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แล้วเท่านั้น หาทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากความรับผิดในหนี้ส่วนที่ขาดไม่ และเมื่อข้อกำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการในคดีก่อนสิ้นผลไปด้วยเหตุที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ลูกหนี้จะนำเงินบางส่วนที่ได้ชำระหนี้ไปหักกับต้นเงินตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการย่อมไม่ได้ อย่างไรก็ตามการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการไม่มีผลกระทบและถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้โดยชอบ แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า การชำระหนี้ของลูกหนี้ดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะเปลื้องหนี้สินได้ทั้งหมด จึงต้องนำไปจัดใช้เป็นค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยตามลำดับเสียก่อน ในที่สุดจึงให้ใช้ในการชำระหนี้อันเป็นประธานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329 วรรคหนึ่ง และได้ความว่าเงินที่ลูกหนี้ชำระหนี้จำนวน 252,742.86 บาท เจ้าหนี้ได้นำไปชำระหนี้ตามหนังสือค้ำประกันเลขที่ 38 – 10 – 1002 – 0 แล้ว ส่วนการชำระหนี้ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุนจำนวน 400,679.30 บาท เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นำไปหักจากดอกเบี้ยที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้แล้ว เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับฟังได้ว่าลูกหนี้ได้ขอให้เจ้าหนี้ออกหนังสือค้ำประกันเพื่อประกันการชำระหนี้ภาษีอากรของลูกหนี้ที่มีต่อกรมศุลกากร เจ้าหนี้จึงขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการสำหรับจำนวนที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/27 วรรคสอง เมื่อต่อมาลูกหนี้ไม่ชำระ เจ้าหนี้จึงได้ชำระแทนลูกหนี้ไป โดยเจ้าหนี้มีหนังสือค้ำประกันใบเสร็จรับเงิน สำเนาประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศของเจ้าหนี้เรื่อง การกำหนดดอกเบี้ยและส่วนลดและตารางรายละเอียดการคำนวณหนี้มาแสดง น่าเชื่อว่าเจ้าหนี้ได้ชำระหนี้ดังกล่าวแทนลูกหนี้ไปจริง เจ้าหนี้จึงย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใดๆ เพราะการค้ำประกันนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 693 หาใช่มีสิทธิไล่เบี้ยเฉพาะต้นเงินดังที่ผู้บริหารแผนโต้แย้งและอุทธรณ์ไม่ สำหรับดอกเบี้ย เจ้าหนี้มีสิทธิคิดได้ตามข้อตกลงและประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยกับประกาศของเจ้าหนี้ กรณีมิใช่เป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วนแต่อย่างใด การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามคำสั่ง จึงชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้บริหารแผนมานั้นชอบแล้วอุทธรณ์ของผู้บริหารแผนฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share