แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การแปลสัญญาเปนปัญหากฎหมาย
ย่อยาว
ได้ความว่าบริษัทจำเลยได้ซื้อสาขาบริษัทอิสเตอร์คอมเมอร์ชั่นลิมิเต็ดที่กรุงเทพ ฯ ไว้ และบริษัทจำเลยได้จ้างโจทก์เปนลูกจ้างต่อไปตามสัญญาเดิมที่บริษัทอิสเตอร์คอมเมอร์ชั่นได้จ้างโจทก์ สัญญาหมดอายุเมื่อวันที่ ๑๕/๘/๗๑ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าเดินทางกลับประเทศเดนมาร์คเปนเงิน ๙๐๔ บาทกับเงินเดือน ๒๑๐๐ บาท เพราะโจทก์ทำงานกับจำเลยมาตามสัญญาเกิน ๔ ปี และครบกำหนดเลิกสัญญาจ้างทำงานแล้ว ตามสัญญาข้อ ๓ มีความว่า ” ฯลฯ ถ้าการจ้างมิได้จ้างกันต่อไปภายหลังที่ทำงาน ๓ ปีแล้ว โจทก์มีสิทธิจะได้เงิน ๑๕๐๐ โครเนอเปนค่าเดินทาง ฯลฯ ” และข้อ ๖ มีว่า ” ถ้าการจ้างคงจ้างกันต่อไปภายหลังเวลา ๔ ปีล่วงไปแล้ว โจทก์มีสิทธิที่จะหยุดได้โดยได้รับเงินเดือนเด็มคิดโดยวิธีเฉลี่ยเงินเดือนของ ๓ ปีสุดท้าย การหยุดนี้ต้องคิดเดือนครึ่งต่อปีหนึ่ง ๆ ที่ได้ทำงานเต็ม การหยุดต้องใช้เพื่อความสำราญนอกเขตร์ประเทศร้อน เพื่อโจทก์อาจทำกิจการของบริษัทได้ด้วยกลับมีกำลังพลังขึ้น ค่าใช้จ่ายทั้งหลายในการเดินทางสำหรับหยุด โจทก์จะต้องจ่ายเองทั้งสิ้น ” ดังนี้
ศาลล่างทั้ง ๒ ตัดสินว่าโจทก์มีสิทธิจะได้รับเงินตามสัญญาข้อ ๓ และข้อ ๖ ทั้ง ๒ จำนวน จึงให้จำเลยชำระเงินค่าเดินทาง ๙๐๔ บาทและเงินเดือนสำหรับหยุดพัก ๒๑๐๐ บาทให้โจทก์
จำเลยฎีกาเปนปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ไม่ควรได้รับเงิน ๒๑๐๐ บาทตามสัญญาข้อ ๖ และถ้าโจทก์ได้รับเงินตามสัญญาข้อ ๖ แล้วก็ไม่ควรได้รับเงินตามสัญญาข้อ ๓ อีก
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลล่างทั้ง ๒ วินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินเดือน ๒๑๐๐ บาทตามสัญญาข้อ ๖ นั้นชอบด้วยทางพิจารณาและตรงต่อความประสงค์แห่งสัญญาแล้ว ส่วนที่จำเลยคัดค้านว่าถ้าโจทก์ได้รับเงินตามสัญญาข้อ ๖ แล้วก็ไม่ควรได้รับเงินค่าเดินทางตามสัญญาข้อ ๓ อีกนั้น เห็นว่าสิทธิของโจทก์ที่ได้จะได้รับเงิน ๒ จำนวนนี้เกิดจากสัญญาคนละข้อ ซึ่งต่างมีความประสงค์สำหรับประโยชน์คนละอย่าง มิได้ขัดขวางกัน เมื่อโจทก์ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาถูกต้องทั้ง ๒ ข้อแล้ว ก็มีสิทธิจะได้รับเงินทั้ง ๒ จำนวน จึงตัดสินยืนตามศาลล่างทั้ง ๒ นั้น