คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นข้าราชการครูมีหน้าที่ปฏิบัติราชการของวิทยาลัยเทคนิค ร. ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ซึ่งเป็นงานราชการของวิทยาลัยเทคนิค ร.จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมอาคารวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ดูแลรักษาวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้างการที่จำเลยให้ ก. นำเหล็กไลท์เกจอันเป็นวัสดุที่เหลือใช้ซึ่งอยู่ในหน้าที่ความดูแลรับผิดชอบของจำเลยไปเก็บไว้ที่ร้าน ก. และให้ ก. เอาเหล็กดังกล่าวไปเสียจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมอาชีวศึกษาและเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 จำเลยรับราชการครูหน้าที่หลักคือการสอนหนังสือการได้รับแต่งตั้งจากผู้บังคับบัญชาให้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ราชการพิเศษในการควบคุมการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาอาชีวศึกษา ส.งานที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีการที่จำเลยทุจริตร่วมกันเอาเหล็กไลท์เกจไปขายก็เป็นเหล็กที่เหลือจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารและมีราคาไม่มากพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดจึงไม่ร้ายแรงจำเลยรับราชการโดยไม่มีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อนสมควรรอการลงโทษจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สอง ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 90, 147, 157
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้ จำคุก คน ละ 1 ปี
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า จำเลย ทั้ง สอง เป็น ข้าราชการ ครู มี หน้าที่ปฏิบัติ ราชการ ของ วิทยาลัย เทคนิค ราชสิทธาราม ได้รับ มอบหมาย จาก ผู้อำนวยการ วิทยาลัย เทคนิค ราชสิทธาราม ซึ่ง เป็น ผู้บังคับบัญชา ของ จำเลย ทั้ง สอง ให้ มี หน้าที่ ควบคุม การ ก่อสร้าง ต่อเติมวิทยาลัย อาชีวศึกษา เสาวภา ซึ่ง เป็น งาน ราชการ ของ วิทยาลัย เทคนิค ราชสิทธาราม จำเลย ทั้ง สอง จึง มี ฐานะ เป็น เจ้าพนักงาน ผู้ มี หน้าที่ ควบคุม การ ก่อสร้าง ปรับปรุง ต่อเติม อาคารวิทยาลัย อาชีวศึกษา เสาวภา ดูแล รักษา วัสดุ ที่ เหลือ ใช้ จาก การ ก่อสร้าง อาคาร ดังกล่าว และ จำเลย ทั้ง สอง ให้ นาย เกรียงไกร นำ เหล็ก ไลท์เกจขนาด 4 นิ้ว คูณ 4 นิ้ว ยาว 6 เมตร จำนวน 21 ท่อนอันเป็น วัสดุ ที่ เหลือ ใช้ ซึ่ง อยู่ ใน หน้าที่ ความ ดูแล รับผิดชอบ ของ จำเลยทั้ง สอง ไป เก็บ ไว้ ที่ ร้าน เกรียงไกรเทรดดิ้ง และ ให้ นาย เกรียงไกร เอา เหล็ก ดังกล่าว ไป เสีย ซึ่ง เป็น การปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ทำให้ เกิดความเสียหาย แก่ กรมอาชีวศึกษา และ เป็น การ แสวงหา ประโยชน์ที่ มิควร ได้ เป็น การปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต เป็น ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
จำเลย ทั้ง สอง รับ ราชการ ครู หน้าที่ หลัก ของ จำเลย ทั้ง สอง คือการ สอน หนังสือ จำเลย ทั้ง สอง ได้รับ แต่งตั้ง จาก ผู้บังคับบัญชา ให้ร่วมกัน ปฏิบัติ หน้าที่ ราชการ พิเศษ ใน การ ควบคุม การ ก่อสร้าง ต่อเติมอาคาร วิทยาลัย อาชีวศึกษา เสาวภา ปรากฏว่า งาน ควบคุม การ ก่อสร้าง ต่อเติม อาคาร ที่ จำเลย ทั้ง สอง ได้รับ มอบหมาย ดังกล่าว สำเร็จ ลุล่วงไป ด้วย ดี ที่ จำเลย ทั้ง สอง ทุจริต ร่วมกัน เอา เหล็ก ไลท์เกจ จำนวน 21ท่อน ไป ขาย นั้น ก็ ปรากฏว่า เหล็ก ไลท์เกจดังกล่าว เป็น เหล็ก ไลท์เกจที่ เหลือ จาก การ ก่อสร้าง ต่อเติม อาคาร และ มี ราคา ไม่มาก พฤติการณ์แห่ง การกระทำ ผิด จึง ไม่ ร้ายแรง เมื่อ คำนึง ว่า จำเลย ทั้ง สอง ต่างรับ ราชการ มา โดย ไม่มี เรื่อง เสื่อมเสีย มา ก่อน อีก ทั้ง จำเลย ที่ 2 ก็ มีอายุ ถึง 60 ปี แล้ว สมควร ที่ จะ ให้ โอกาส จำเลย ทั้ง สอง กลับ ตัว เป็นพลเมือง ดี โดย การ รอการลงโทษ จำคุก ให้ จำเลย ทั้ง สอง แต่ เพื่อ ให้จำเลย หลาบจำ จึง เห็นควร ลงโทษ ปรับ ด้วย
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ ปรับ จำเลย ทั้ง สอง คน ละ 10,000 บาทอีก สถาน หนึ่ง โทษ จำคุก ให้ รอการลงโทษ ไว้ มี กำหนด 2 ปีตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระ ค่าปรับ ให้ จัดการตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไปตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์

Share