คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้สรรพสามิตต์จังหวัดจะได้แต่งตั้งจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตรวจสุราโดยไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน พ.ศ. 2476 มาตรา 3 ก็ดี จำเลยได้ไปตรวจค้นสุราโดยไม่มีหมายค้น จำเลยก็หามีความผิด ฐานปลอมตนไปทำการเป็นเจ้าพนักงานไม่
ตำรวจไปทำการตรวจค้นสุรา กับเจ้าพนักงานตรวจสุรา แม้ตำรวจจะไม่ได้สรวมเครื่องแบบตำรวจ ไปทำการตรวจค้นนอกเขตต์ท้องที่ ๆ ประจำการยังถือไม่ได้ว่า ตำรวจมีความผิดฐานปลอมตนเป็นเจ้าพนักงาน
ราษฎร ซึ่งเจ้าพนักงานเอาไปช่วยตรวจค้น ย่อมไม่มีผิดฐานปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน.

ย่อยาว

คดีมาสู่ศาลฎีกาฉะเพาะข้อหาของโจทก์ ที่ขอให้ลงโทษจำเลย ฐานปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน ซึ่งจำเลยให้การปฎิเสธ นายนวน, นายพร้อม จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตรวจสุราตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานที่แท้จริง ไม่มีความผิด ให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้สรรพสามิตต์จังหวัดแพร่จะได้แต่งตั้งนายนวน นายพร้อมจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตรวจสุราโดยไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน พ.ศ. ๒๔๗๖ มาตรา ๓ ก็ดี ก็เป็นคนละเรื่อง ทั้งความผิดฐานปลอมตนไปทำการเป็นเจ้าพนักงาน จึงถือไม่ได้ว่านายนวนนายพร้อม จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน ส่วนพลตำรวจประพัฒน์ และพลตำรจปัน จำเลย ซึ่งไปทำการตรวจค้นสุรากับนายนวนและนายพร้อมจำเลยด้วยนั้น แม้จะไม่ได้สรวมเครื่องแบบตำรวจไปทำการตรวจค้น และนอกเขตต์ท้องที่ ๆ ประจำการ ก็ยังถือไม่ได้ว่า พลตำรวจทั้งสองปลอมตนเป็นเจ้าพนักงาน แต่เป็นเรื่องซึ่งพลตำรวจทั้ง ๒ ไม่มีอำนาจค้นตามกฎหมาย เมื่อจำเลยทั้ง ๔ คนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานไม่มีความผิดฐานปลอมตนเป็นเจ้าพนักงาน นายนิทัศน์จำเลย ราษฎรซึ่งเจ้าพนักงานเอาไปช่วยตรวจค้น ก็ไม่มีผิด
พิพากษายืน.

Share