คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทย์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากห้องเช่าของโจทก์จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ผู้เช่าตามหนังสือสัญญาเช่าความจริง จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการเช่าห้องรายนี้ แต่มิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รู้ถึงการที่จำเลยที่ 1 เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 2 มาก่อน กรณีจึงเข้าลักษณะตัวการตัวแทนตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 806 ฉะนั้นเมื่อโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 1 เสร็จไปแล้ว จำเลยที่ 2 จะมาอ้างเพื่อให้เสื่อมเสียสิทธิของโจทก์อันเขามีแก่จำเลยที่ 1หาได้ไม่ จึงไม่จำต้องสืบพยานตามข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เช่าห้องของโจทก์แล้วให้จำเลยที่ ๒ เช่าอยู่ และทำการค้า สัญญานั้นสิ้นสุดลง โจทก์จึงขอห้องคืน จำเลยไม่ยอมคืนให้ ฯลฯ โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ขับไล่
จำเลยที่ ๑ รับว่าได้ทำสัญญาเช่าตามฟ้องจริง แต่จำเลยได้ออกจากห้องเช่าไปเป็นการเสร็จสิ้นไปแล้ว
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ผู้เช่า ความจริงจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๒ ในการเช่าตึกรายนี้และต่อสู้ในฐานะเป็นผู้เช่าอีกหลายประการ
ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน ฟังว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้เช่าโดยตรง ข้อที่จำเลยที่ ๒ อ้างว่าจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนนั้นเป็นการกล่าวโดยเลื่อนลอยและจะนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเช่าหาได้ไม่ จึงพิพากษาขับไล่จำเลย
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๒ มิได้กล่าวอ้างเลยว่าโจทก์รู้ถึงการที่จำเลยที่ ๑ เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ ๒ มาก่อน กรณีจึงเข้าลักษณะ ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๘๐๖ จำเลยที่ ๒ จะมาอ้างเพื่อให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของโจทก์อันเขามีต่อตัวแทน และเขาขวนขวายได้มาแต่ก่อนที่รู้ว่าเป็นตัวแทนหาได้ไม่สิทธิของโจทก์ที่ขวนขวายได้มาในคดีนี้ ก็คือได้เลิกสัญญาเช่ากับจำเลยที่ ๑ เสร็จไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องสืบพยานบุคคลของจำเลยที่ ๒ ศาลทั้งสองชี้ขาดให้จำเลยแพ้คดีมานั้นชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน

Share