คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เป็นเจ้าพนักงานทำการจับกุมเขาโดยชอบแล้ว แต่กลับทุจริตเรียกและรับเงินแล้วปล่อยไปไม่ส่งตัวเพื่อดำเนินคดี ความผิดย่อมเข้าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2502 มาตรา 5 แต่ไม่ผิดมาตรา 148 เพราะมาตรา 148 เป็นเรื่องเริ่มต้นด้วยการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบแต่มาตรา 149 นั้น เป็นเรื่องเริ่มต้นโดยใช้อำนาจในตำแหน่งโดยชอบแล้วกลับทุจริต
อนึ่ง เมื่อผิดมาตรา 149 อันเป็นบทเฉพาะแล้วย่อมไม่ผิดมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานจับกุมนายไต้เจียวในข้อหาว่าใช้เครื่องชั่งผิดพิกัดแล้ว พูดจงใจเรียกและรับเงินจากนายไต้เจียวแล้วปล่อยตัวไปไม่นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พิพากษาว่าผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๘, ๑๔๙, ๑๕๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔, ๕, ๑๓ แต่ให้ลงบทหนักที่สุด คือมาตรา ๑๔๘ หรือ ๑๔๙ ซึ่งทั้งสองมาตรานี้โทษเท่ากัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๙ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๕ แต่บทเดียว
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ได้จับกุมผู้เสียหายในข้อหาใช้เครื่องชั่งผิดพิกัด แล้วพูดจูงใจเรียกและรับเงินจากผู้เสียหายแล้วปล่อยตัวไปไม่นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ความผิดของจำเลยเข้ามาตรา ๑๔๙ ประมวลกฎหมายอาญาแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๕ แต่ไม่ผิด มาตรา ๑๔๘ เพราะมาตรา ๑๔๘ นั้น เป็นเรื่องเริ่มต้นด้วยการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ แต่ในคดีนี้ข้อเท็จจริงยุติว่า ได้เริ่มใช้อำนาจจับกุมโดยชอบแล้วจึงทุจริต ความผิดจึงเข้ามาตรา ๑๔๙ เท่านั้น อนึ่ง เมื่อผิดมาตรา ๑๔๙ ดังกล่าว ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว ย่อมไม่ผิดมาตรา ๑๕๗ ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาโจทก์

Share