แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นอกจากค่าเช่าเดือนละ 30 บาทแล้วจำเลยยังทำสัญญาช่วยค่ารื้อปลูกเรือนที่เช่าเดือนละ 200 บาททุกเดือนในระหว่างที่เช่าถือว่าเงิน200 บาทนี้เป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าด้วย
โจทก์ฟ้องคดีเรียกค่าเช่าจำเลยโดยไม่ต้องบอกกล่าวจำเลยได้ทีเดียวในเมื่อมีกำหนดเวลาไว้แน่นอนว่าต้องชำระค่าเช่าเดือนละครั้งภายในวันที่ 1 ของทุกๆ เดือนและเมื่อถึงเวลาแล้วจำเลยไม่ชำระถือว่าจำเลยได้ผิดเวลาในการชำระหนี้แล้ว
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2492 จำเลยได้ทำสัญญาเช่าบ้านทะเบียนที่ 2587/1 ตำบลบ้านช่างหล่อ อ.บางกอกน้อยจ.ธนบุรี มีกำหนด 12 เดือน ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 30 บาท ต่อมาวันที่ 17 ธันวาคม 2492 จำเลยทำสัญญารับช่วยเหลือค่ารื้อปลูกเรือนให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน ๆ ละ 200 บาททุกเดือนในระหว่างที่จำเลยยังเช่าเรือนของโจทก์อยู่ โดยถือว่ามีกรณีเกี่ยวพันกันอยู่ในสัญญาเช่าบ้านนั้นด้วย เมื่อครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาแล้ว โจทก์จำเลยได้ปฏิบัติการเช่าต่อกันดังกล่าวมานั้นต่อมาจนบัดนี้ บัดนี้จำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าและค่าช่วยเหลืออันเป็นส่วนของค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2498 ถึง กรกฎาคม รวม 3 เดือน เป็นเงิน 690 บาท จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระ
จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญา ค่าเช่านั้นเดือนละ 30 บาท ถ้าจำเลยจะค้างชำระก็น่าจะเป็นเพียงเดือนเดียวเพราะเคยส่งเงินไปให้โจทก์เกินไปถึง 60 บาท และต่อมาเมื่อกรกฎาคม 2498 จำเลยก็ได้ส่งค่าเช่าไปให้โจทก์โดยส่งทางธนาณัติอีก 90 บาทจึงเป็นอันว่าจำเลยมิได้ค้างชำระ เงินค่าช่วยรื้อปลูกเรือนเดือนละ200 บาท จำเลยถือว่ามีเวลา 1 ปี ตามสัญญาเช่าลงวันที่ 26 ตุลาคม 2492 เมื่อพ้นจากนั้นจำเลยไม่ผูกพันในเงินจำนวนนี้ จึงไม่ค้างชำระ
คู่ความแถลงรับกัน แล้วไม่ติดใจสืบพยานว่า
ก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยทวงถามเงินจำนวนใดจากจำเลย
เอกสาร จ.3 คือสัญญาพิเศษช่วยค่ารื้อปลูกเรือน
จำเลยว่าเมื่อช่วยชำระค่ารื้อปลูกครบ 1 ปีแล้ว จำเลยก็ชำระเพียงค่าเช่าเดือนละ 30 บาท
โจทก์รับว่าได้รับธนาณัติ 90 บาท แต่มิได้ให้ใบรับเงินเพราะไม่ครบ
ศาลชั้นต้นตัดสินว่า เงินค่ารื้อเรือน 200 บาทถือได้ว่าเป็นส่วนของค่าเช่า จำเลยต้องชำระให้โจทก์ตลอดไปตลอดเวลาเช่าการทวงถามนั้นเมื่อมีกำหนดเวลาชำระแน่นอนตาม จ.1 เมื่อถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระ โจทก์ไม่จำต้องเตือนจำเลยก็ผิดนัดแล้ว จึงพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง 540 บาท กับค่าเช่าและเงินช่วยรื้อรวมเดือนละ 230 บาท ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2498 ต่อไปจนกว่าจะเลิกสัญญา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่า ตามข้อความในสัญญา จ.3 ฟังได้ว่าจำเลยต้องให้ค่ารื้อและปลูกเรือนโจทก์ตามสัญญาตลอดไปตลอดเวลาที่จำเลยยังเช่า และตาม จ.1 มีกำหนดว่าจำเลยต้องชำระค่าเช่าเดือนละครั้งในวันที่ 1 ของเดือน จึงถือว่ามีกำหนดเวลาชำระไว้ตามวันแห่งปฏิทิน เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าเช่ารวมทั้งค่าช่วยรื้อตามกำหนด จำเลยก็ตกเป็นผู้ผิดนัดมิพักต้องเตือนตามนัยมาตรา 204 วรรค 2 แห่งกฎหมายประมวลแพ่งฯ โจทก์มีสิทธิฟ้องโดยไม่ต้องทวงถามก่อน