คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11317/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอแก้ไขคำให้การต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนวันนัดชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน ในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 180 เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางนัดชี้สองสถานหรือนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8 มีนาคม 2553 แต่เมื่อถึงวันนัด ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งงดชี้สองสถานและให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันอื่น วันที่ 8 มีนาคม 2553 ย่อมมิใช่วันชี้สองสถานหรือวันสืบพยาน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 180 จำเลยจึงยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การในวันดังกล่าวได้
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยและห้ามจำเลยใช้ ยื่นคำขอจดทะเบียน หรือเกี่ยวข้องในทางใดๆ กับเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ การที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยโดยอ้างว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่สุจริตทำให้จำเลยสูญเสียรายได้ เนื่องจากต้องเก็บสินค้าที่วางจำหน่ายในท้องตลาดระหว่างรอฟังผลของคดี เป็นฟ้องแย้งโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เป็นข้ออ้าง ฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรท้าย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ELLA MOSS ทะเบียนเลขที่ ค 293695 หรือให้จำเลยถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 705074 และห้ามจำเลยใช้ ยื่นคำขอจดทะเบียน หรือเข้าเกี่ยวข้องในทางใด ๆ กับเครื่องหมายการค้า ELLA MOSS และเครื่องหมายการค้าอื่นใดที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้า ELLA MOSS ของโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้คดี ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางนัดชี้สองสถานหรือสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8 มีนาคม 2553
ในวันนัดชี้สองสถานหรือสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การพร้อมกับฟ้องแย้งต่อศาล ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง มีคำสั่งว่า ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 การแก้ไขคำให้การต้องยื่นคำร้องต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน ในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน เว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนหน้านั้น หรือเป็นการขอแก้ไขในเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย จำเลยยื่นคำให้การและฟ้องแย้งในวันนัดชี้สองถานหรือสืบพยานโจทก์ ไม่รับคำให้การเพิ่มเติมและฟ้องแย้งของจำเลย และมีคำสั่งให้งดชี้สองสถาน กับนัดสืบพยานโจทก์ใหม่
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่รับคำให้การเพิ่มเติมและฟ้องแย้งของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 บัญญัติถึงหลักเกณฑ์ในการขอแก้ไขคำให้การไว้ จำเลยต้องยื่นคำร้องต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน ในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้นัดชี้สองสถานหรือสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8 มีนาคม 2553 แต่ข้อเท็จจริงได้ความจากรายงานกระบวนพิจารณาประกอบรายงานเจ้าหน้าที่ศูนย์นัดความว่า ในนัดวันที่ 8 มีนาคม 2553 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งงดชี้สองสถานและให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 1 กันยายน 2553 แทน ดังนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่าวันที่ 8 มีนาคม 2553 เป็นวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยานตามบทกฎหมาย การที่จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การในวันดังกล่าวจึงไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับคำให้การเพิ่มเติมของจำเลยจึงไม่ชอบ ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้บังคับโจทก์ชดใช้ค่าเสียหาย 50,000 บาท แก่จำเลย โดยอ้างว่าโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย เพราะสูญเสียรายได้เนื่องจากต้องเก็บสินค้าที่วางจำหน่ายในท้องตลาดตามคำสั่งของกรมทรัพย์สินทางปัญญาในระหว่างรอฟังผลของคดี เป็นการฟ้องแย้งโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีเป็นข้ออ้างในการฟ้องแย้ง เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ เป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคท้าย ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้ง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รับคำให้การเพิ่มเติมของจำเลยไว้แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แต่ยังคงไม่รับคำฟ้องแย้งของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

Share