แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าทุกข์เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันฆ่าบุตรโจทก์ตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251 ศาลจึงนัดไต่สวนในระหว่างนั้นอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีเดียวกันนี้ หาว่าจำเลยกับบุตรเจ้าทุกข์วิวาท กัน และบุตรเจ้าทุกข์ตาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 253.
จำเลยรับสารภาพตามที่อัยการฟ้อง ศาลจึงพิพากษาในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะ อาญามาตรา 253 คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ สำหรับคดีที่เจ้าทุกข์เป็นโจทก์ฟ้องไว้ก่อนนั้น แม้จะได้ยื่นคำฟ้องไว้ก่อน แต่ศาลก็ยังมิได้ไต่สวนและประทับฟ้อง กรณีจึงต้องด้วย ป.วิ.อาญามาตรา 39(4) ศาลจึงต้องไม่รับฟ้องโจทก์ไว้ พิจารณาต่อไป./
(ประชุมใหญ่)
ย่อยาว
คดีนี้ นางเป้าเป็นโจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง ๓ สมคบกันกลุ้มรุมชกต่อยนายติ๊บ บุตรโจทก์ ถูกที่สำคัญ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ถึงตาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๑
โจทก์ยื่นคำฟ้องลงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๔๙๕ ศาลสั่งไต่สวนมูลฟ้อง ออกหมายนัดส่งสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบวันไต่สวน ซึ่งกำหนดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๔๙๕ เสร็จแล้ว.
ครั้นวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๔๙๕ อัยการจังหวัดลำปาง ยื่นฟ้องจำเลยในกรณีเดียวกันนี้เป็นอีกสำนวนหนึ่ง หาว่าจำเลยทั้ง สามฝ่ายหนึ่ง ผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งได้ชกต่อยวิวาททำร้ายร่างกายกันในถนนหลวง และผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษ ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๓ จำเลยรับสารภาพ ศาลจังหวัดลำปางพิพากษาเสร็จไปในวันเดียวกันนั้นเองว่า จำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๓, ๕๙ จำคุกคนละ ๖ เดือน ให้รอการลงอาญาไว้
ดังนี้ศาลจังหวัดลำปางจึงเห็นว่า คดีที่โจทก์ฟ้องนี้ แม้จะฟ้องขึ้นมาก่อนอัยการ แต่ศาลก็ยังมิได้ไต่สวนและประทับฟ้อง จึงย่อมระงับไปตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๓๙(๔) จึงสั่งไม่รับฟ้องไว้ไต่สวน.
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า กรณีเรื่องนี้ ศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว แม้โจทก์จะฟ้องไว้ก่อนและ ต่างฐานโทษหนักกว่าก็ดี แต่ก็โดยอาศัยการกระทำอันเดียวกันนั้นเอง จึงต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๓๙ (๔)
จึงพิพากษายืน.