แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องเกิดในประเทศไทย จึงได้สัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2408 มาตรา 7(3) การที่ผู้ร้องซึ่งมีสัญชาติเป็นไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทย โดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว จะเสียสัญชาติไทยตามความในมาตรา 21 ก็ต่อเมื่อได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้ว แม้ผู้ร้องได้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรโดยขอรับใบแสดงหลักฐานการแจ้งออกเพื่อเข้ามาในราชอาณาจักร (แบบ ต.ม.1) ซึ่งเป็นแบบที่เจ้าหน้าที่จะออกให้แก่ผู้ขอที่เป็นคนต่างด้าว แต่เอกสารดังกล่าวนี้หาใช่ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำคนต่างด้าวไม่ ผู้ร้องจึงไม่เสียสัญชาติไทย
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยโดยการเกิดในราชอาณาจักร
พนักงานอัยการยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิได้เกิดในประเทศไทย ผู้ร้องเป็นคนต่างด้าวเชื้อชาติอินเดีย เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในฐานะนักทัศนาจรโดยถือหนังสือเดินทางซึ่งทางราชการของประเทศอินเดียออกให้ หากผู้ร้องจะเป็นคนเดียวกับนายกุมาร สัจเดว์ ซึ่งเกิดในประเทศไทย ก็ได้เสียสัญชาติไทยไปแล้วตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องมีสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๗(๓)
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องเกิดในประเทศไทย จึงได้สัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๗(๓)
ที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า การที่ผู้ร้องได้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรโดยขอรับใบแสดงหลักฐานการแจ้งออกเพื่อเข้ามาในราชอาณาจักร (แบบต.ม.๑๓) ซึ่งเป็นแบบที่เจ้าหน้าที่จะออกให้กับผู้ขอที่เป็นคนต่างด้าว มีสภาพเหมือนกับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว จึงฟังได้ว่าผู้ร้องได้สละสัญชาติไทยย่อมเสียสัญชาติไทยนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ซึ่งมีสัญชาติเป็นไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาเป็นคนต่างด้าวจะเสียสัญชาติไทยตามความในมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งผู้คัดค้านยกขึ้นอ้างในคำคัดค้าน ต่อเมื่อได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้ว ใบแสดงหลักฐานการแจ้งออกเพื่อเข้ามาในราชอาณาจักร (แบบ ต.ม.๑) หาใช้ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำคนต่างด้าวไม่ ผู้ร้องจึงไม่เสียสัญชาติไทยโดยเหตุที่ผู้คัดค้านฎีกา
พิพากษายืน