คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ใช้ทางพิพาทสำหรับนำกระบือและล้อเกวียนผ่านนาจำเลยเมื่อสิ้นฤดูทำนาแล้วเป็นประจำมากว่า 10 ปี ทางพิพาทจึงตกเป็นภารจำยอมเฉพาะเมื่อสิ้นฤดูทำนาการที่โจทก์ไม่ได้ใช้เดินในฤดูทำนาหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 211 ที่ดินของจำเลยอยู่ติดที่ดินของโจทก์ทางด้านตะวันตก โจทก์ได้ใช้ทางเดินในที่ดินของจำเลยเพื่อไปทำนาของโจทก์อีกแปลงหนึ่งซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกของที่ดินจำเลยเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วโดยไม่มีผู้ใดหวงห้าม ทางในที่ดินของจำเลยจึงตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ บัดนี้ จำเลยปิดทางมิให้โจทก์ผ่าน จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าทางเดินในที่ดินของจำเลยตกเป็นภารจำยอมแก่โจทก์ให้จำเลยรื้อถอนหลักซึ่งปิดกั้นออก

จำเลยให้การว่า ที่ดินจำเลยไม่มีทางเดินเป็นประจำ จำเลยทำนาและปลูกพืชทุกปี เวลาไม่ได้ทำก็เดินได้ทั่วไป โจทก์ไปทำนายังไม่ถึง 10 ปี โจทก์ไม่มีสิทธิจะเดินในที่ดินของจำเลย และไม่ตกเป็นภารจำยอม

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382, 1401 เฉพาะสิ้นฤดูทำนาห้ามจำเลยปิดกั้นระหว่างเวลาดังกล่าว

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีความเห็นแย้ง

จำเลยฎีกา

ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ใช้ทางพิพาทให้ติดต่อสืบเนื่องกันทุกระยะตลอดไป สิทธิของโจทก์ในการใช้ทางยุติลงในตอนทำนาทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นภารจำยอม

ได้พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์ใช้ทางพิพาทสำหรับนำกระบือและล้อเกวียนผ่านนาจำเลยเมื่อสิ้นฤดูทำนาแล้วเป็นประจำมาช้านานกว่า 10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงตกเป็นภารจำยอมเฉพาะเมื่อสิ้นฤดูทำนาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387 การที่โจทก์ไม่ได้ใช้เดินในฤดูทำนาหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันได้ไม่

พิพากษายืน

Share