คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์และขอให้จำเลยคืน หรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยักยอกไปด้วยนั้น แม้จะปรากฎว่าได้มีการฟ้องเรียกทรัพย์ที่จำเลยยักยอกไปนั้นจากผู้อื่น ซึ่งอาจต้องรับผิดด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อปรากฎว่าความจริงยังมิได้รับใช้เงิน จำเลยก็ยังคงต้องรับผิดใช้เงินที่จำเลยได้ยักยอกไป./

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของกองป่าไม้เขตจังหวัดเชียงใหม่ ได้ยักยอกเงินราชการป่าไม้ ซึ่งจำเลยได้รับมาและรักษาไว้ตามหน้าที่ไป ๓๐,๘๑๓ บาท ๒๐ สตางค์ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๑๙ (๓) กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่ยักยอก ฯลฯ
จำเลยปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๑๙ (๓) ให้จำคุก ๒ ปีตามที่จำเลยว่าไม่ต้องรับผิดใช้เงินเพราะกรมป่าไม้ ได้ฟ้องเรียกเงินจากพนักงานป่าไม้เขต และผู้ช่วยเป็นคดีแพ่งแล้วนั้น ยังไม่ปรากฎว่าได้ใช้เงินให้แก่กรมป่าไม้แล้ว จึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินที่ยักยอก ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๓๑๙(๓) ดังที่ศาลล่างวินิจฉัยเฉพาะเรื่องการใช้เงินศาลนี้เห็นด้วยคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยว่าแม้จะปรากฎว่าได้มีการฟ้องเรียกเงินรายที่จำเลยยักยอกนี้จากผู้อื่น ซึ่งอาจจะต้องรับผิดด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อ ปรากฎว่าความจริงยังมิรับใช้เงิน จำเลยก็ยังคงต้องรับผิดใช้เงินที่จำเลยได้ยักยอกไป จึงพิพากษายืน.

Share