คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษจำคุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยกระทำผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษ 2 กระทง โดยลงโทษกระทงละ1 ปี รวม 2 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย และลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเบาลงหรือขอให้รอการลงโทษนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2535 เวลากลางวันจำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกระทงต่างกรรมกัน กล่าวคือ จำเลยมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 จำนวน 18 ห่อ น้ำหนัก400 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยได้จำหน่ายกัญชาจำนวน 5 ห่อ น้ำหนักไม่ปรากฏชัด อันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชาดังกล่าวให้แก่สายลับของเจ้าพนักงาน ที่ล่อซื้อเป็นเงิน50 บาท เหตุเกิดที่ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูลเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยกัญชาที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกับเงินล่อซื้อจำนวน 50 บาท เป็นของกลางขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 26, 75, 76, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 8, 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ลงวันที่ 17 กันยายน 2522 ข้อ 4(1) ริบกัญชาของกลางและคืนเงินของกลางให้เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 75 (ที่ถูกเป็น75 วรรคหนึ่ง), 76 วรรคสอง, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 8, 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 ลงวันที่ 17 กันยายน 2522 ข้อ 4(1) ลงโทษจำคุก 6 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือนริบกัญชาของกลางและคืนเงินของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 76 วรรคสอง จำคุก 2 ปี กระทงหนึ่ง ฐานจำหน่ายกัญชาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 75 วรรคหนึ่งจำคุก 2 ปี อีกกระทงหนึ่ง รวมจำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำคุกเพียง 3 เดือนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือรอการลงโทษพิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง และลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือนถือได้ว่าเป็นการพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษ 2 กระทงโดยลงโทษกระทงละ1 ปี รวมเป็น 2 ปี จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเล็กน้อย และลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ฎีกาของจำเลยที่ขอให้ลงโทษจำเลยเบาลงหรือขอให้รอการลงโทษนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้”
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share