คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เครื่องจักร์ขุดแร่รับกระแสไฟจากเครื่องเกิดกำลังไฟฟ้า ต้องเสียภาษีต่างหากจากเครื่องไฟฟ้าที่ได้เสียภาษีแล้ว
วิธีการเก็บภาษีโรงงานอุตสาหกรรมโดยคิดตามกำลังแรงม้าที่ปรากฎบนเครื่องจักร์นั้น เมื่อผู้เสียภาษีมิได้คัดค้านจำนวนแรงม้าอย่างใด ก็เก็บตามประมวลรัษฎากรมาตรา 79(2)(ข)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบการอุตสาหกรรมขุดแร่โดยใช้เครื่องจักร์เมอร์ลิสดีเชล ๓ เครื่องรวมกำลังแรงม้า ๙๙๐ แรงทำให้เกิดกำลังไฟฟ้าซึ่งเสียภาษีแล้ว แต่เครื่องจักร์เมอร์ลิสดีเชลนี้นำกำลังไปใช้ขุดแร่โดยตรงไม่ได้ จึงต้องมีเครื่องจักร์อีเล็กตริกมอเตอร์รับกระแสไฟไปหมุนเครื่องจักร์ขุดแร่ เครื่องมอเตอร์นี้ไม่มีลูกสูบ ไม่สามารถคำนวณแรงม้าได้ตามกฎกระทรวงการคลังออกตามความในประมวลรัษฎากร(ฉะบับที่ ๓) จำเลยเก็บภาษีเครื่องมอเตอร์อิก เป็นการเก็บภาษี ๒ ซ้ำ ขอให้ศาลบังคับคืนจำเลยให้การว่า เครื่องมอเตอร์เป็นเครื่องกลต่างหากจากเครื่องเมอร์ลิสดีเชลที่เสียภาษีแล้ว และมีกำลังทำงานได้เต็มที่ตามกำลังแรงม้าดังที่ปรากฎอยู่บนเครื่อง จึงไม่เป็นการเก็บภาษี ๒ ซ้ำ ส่วนที่เครื่องไม่มีลูกสืบนั้น บนเครื่องก็มีจำนวนแรงม้าแสดงซึ่งอาจเก็บภาษีได้ ไม่จำต้องคำนวณแรงม้าตามกฎกระทรวงการคลัง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้โจทก์ชะนะ โดยกล่าวว่าเครื่องมอเตอร์ไม่มีลูกสูบคำนวณแรงม้าตามกฎกระทรวงการคลังไม่ได้ กฎกระทรวงนี้มิได้กำหนดวิธีคำนวณอย่างอื่น จึงคำนวณม้าตามที่มีบอกอยู่บนเครื่องไม่ได้
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นที่โจทก์ว่า เป็นการเก็บภาษี ๒ ซ้ำนั้น มีฎีกาที่ ๒๔๓/๒๔๘๔ วินิจฉัยไว้ว่า เครื่องจักร์กลใช้ทำการขุดแร่ต่างหากจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าต้องเสียภาษีต่างหาก ส่วนประเด็นที่ว่าเครื่องมอเตอร์ไม่มีลูกสูบ จะคำนวณแรงม้าไม่ได้ตามกฎกระทรวงการคลัง ฯ (ฉะบับที่ ๓) นั้น ก็มีบทบัญญัติในประมวลรัษฎากรมาตรา ๗๙ (ข) (๒) ว่า “ถ้าเป็นโรงอุตสาหกรรมให้คิดจากกำลังที่เครื่องจักร์อาจทำการได้ฯลฯ” ซึ่งบนเครื่องมอเตอร์ก็มีระบุจำนวนแรงม้าไว้ว่าทำการได้เพียงใดอยู่แล้ว จึงคำนวณภาษีได้ และโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านในจำนวนแรงม้าที่ปรากฎบนเครื่องมอเตอร์นั้นแต่อย่างใดจึงพิพากษากลับศาลล่างให้ยกฟ้องโจทก์

Share