คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวัดนัดสืบพยาน แม้ทนายโจกท์จะได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาแต่เมื่อศาลสั่งไม่อนุญาต ก็ยังมีการนับสืบพยานอยู่ และแม้ทนายโจทก์จะมาศาลในวันนั้นโดยมายื่นคำรองต่อเจ้าพนักงานศาลขอเลื่อนการพิจารณา แต่ไม่อยู่เพื่อดำเนินกระบวนการพิจารณาก็ต้องถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำเลยแถลงไม่ติดใจให้ดำเนินการพิจารณาต่อไป จึงชอบที่ศาลจะมีคำสั่งคดีเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 จำเลยจะอ้างว่าต้องถือว่าโจทก์ไม่มีพยานนำสืบและพิพากษายกฟ้องนั้นหาถูกต้องไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ ๑ที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้กู้ และจำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๗ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยรวม ๔๓,๗๕๐ บาท
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๓ พร้อมกับจำเลยที่ ๑ที่ ๒ เคยกู้เงินโจทก์แต่ชำระหมดแล้ว ต่อมาบุตรโจทก์ให้จำเลยที่ ๓ ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ที่ ๒ อีกโดยไม่มีมูลหนี้ จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิด
ในวันนัดสืบพยาน ฝ่ายจำเลยเว้นจำเลยที่ ๑มาศาล ฝ่ายโจทก์ไม่มาศาล แต่มีคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาของทนายโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาและมีคำสั่งว่าโจทก์จำเลยที่ ๑ ขาดนัดพิจารณา จำเลยที่มาศาลแถลงไม่ติดใจดำเนินการพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์ว่า ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าทนายโจทก์มาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแล้ว ศาลชั้นต้นจึงสั่งว่าโจทก์ขาดนัดแล้วจำหน่ายคดีไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์ไม่มีพยานนำสืบและพิพากษายกฟ้องนั้น เห็นว่า แม้ทนายโจทก์จะมาศาลในวันนั้นโดยมายื่นคำรองต่อเจ้าพนักงานศาลขอเลื่อนการพิจารณา ต่อเจ้าพนักงานศาลแต่ไม่อยู่เพื่อดำเนินกระบวนการพิจารณาก็ต้องถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ต่อต้องถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา และเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๑ เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณา ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ เว้นแต่จำเลยจะแจ้งต่อศาลว่าตนตั้งใจจะให้ดำเนินการพิจารณาต่อไป ดังนั้น เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณา และจำเลยแถลงไม่ติดใจดำเนินการพิจารณาต่อไปเช่นนี้ ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีจึงชอบด้วยบทบัญญัติของกฎมายดังกล่าวแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๓ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share