แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทราบประกาศคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร ให้ผู้ขายปลีกสุกรชำแหละติดป้ายแสดงราคาไว้โดยเปิดเผย ณ สถานที่ขาย และกำหนดราคาขายปลีกห้ามมิให้ขายเกินกว่าราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ คือ ห้ามขายเนื้อแดงเกินกิโลกรัมละ 24 บาท เนื้อสามชั้นกิโลกรัมละ 15 บาท มันแข็งและมันเปลวเกินกิโลกรัมละ 14 บาท จำเลยได้ปิดป้ายไว้โดยเปิดเผยในสถานที่ขายแสดงราคาขายเนื้อแดงกิโลกรัมละ 20 บาท เนื้อสามชั้นกิโลกรัมละ 13 บาท มันแข็งมันเปลวกิโลกรัมละ 12 บาท อันเป็นป้ายแสดงราคาเก่าซึ่งใช้มา 1 ปีเศษแล้ว ตั้งแต่ครั้งที่ทางราชการกำหนดราคาสูงสุดไว้ตามนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงป้ายตามราคาสูงสุดที่ทางราชการกำหนดใหม่ ดังนี้ ป้ายแสดงราคาขายนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นป้ายแสดงราคาสูงสุดที่ทางการกำหนดไว้ให้ขายได้ เพียงแต่เป็นป้ายแสดงราคาที่จะต้องขายตามราคาที่ปรากฏอยู่ในป้ายที่ปิดแสดงไว้เท่านั้น ก็ถือได้ว่าได้ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวแล้ว ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 มาตรา 8(2),17
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2518)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า คณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควรได้ออกประกาศฉบับที่ ๖ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๑๖ ให้ผู้ขายปลีกสุกรชำแหละมีป้ายแสดงราคาตรงกับชนิดของสุกรชำแหละ คือเนื้อแดงห้ามขายเกินกิโลกรัมละ ๒๔ บาท เนื้อสามชั้นห้ามขายเกินกิโลกรัมละ ๑๕ บาท มันแข็งและมันเปลวห้ามขายเกินกิโลกรัมละ ๑๔ บาท โดยติดป้ายไว้ ณ สถานที่ขายในขณะที่เห็นได้ง่ายตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๑๗ เวลากลางวัน จำเลยได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้วได้บังอาจขายปลีกสุกรชำแหละเนื้อแดงโดยไม่จัดให้มีป้ายแสดงราคากำกับไว้ตามประกาศดังกล่าว เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมเนื้อสุกรชนิดเนื้อแดง ๒ กิโลกรัม เครื่องชั่ง ๑ เครื่อง เขียง ๑ อัน และมีด ๑ เล่ม เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ (๒),๑๗ ประกาศคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ ๖๗) ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๑๖ ข้อ ๔ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘(๒),๑๗ ประกาศของคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ ๖๗) ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๑๖ ข้อ ๔ จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑๕ วัน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๓ ของกลางไม่ใช่ของอันพึงริบ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๖ โดยไม่ลงโทษกักขังแทนโทษจำคุก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยนี้ได้ทราบประกาศของคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ ๖๗) พ.ศ. ๒๕๑๖ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๑๖ แล้วว่าผู้ขายปลีกเนื้อสุกรชำแหละจะต้องจัดให้มีป้ายแสดงราคาตรงกับชนิดของสุกรชำแหละติดไว้โดยเปิดเผย ณ สถานที่ขายในลักษณะเห็นได้ง่าย ตามประกาศฉบับนี้กำหนดราคาขายปลีกห้ามมิให้ขายเกินกว่าราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ คือ เนื้อแดงห้ามขายเกินราคากิโลกรัมละ ๒๔.๐๐ บาท เนื้อสามชั้นห้ามขายเกินราคากิโลกรัมละ ๑๕.๐๐ บาท มันแข็งและมันเปลวห้ามขายเกินราคากิโลกรัมละ ๑๔.๐๐ บาท จำเลยเป็นผู้ขายปลีกสุกรชำแหละเนื้อแดง จำเลยได้ปิดป้ายไว้โดยเปิดเผยในสถานที่ขายในลักษณะเห็นได้ง่ายที่ร้านตั้งแต่ครั้งทางราชการกำหนราคาสูงสุดให้ขายเนื้อแดงได้ไม่เกินกิโลกรัมละ ๒๐ บาท เนื้อสามชั้นไม่เกินกิโลกรัมละ ๑๓.๐๐ บาท มันแข็งมันเปลวไม่เกินกิโลกรัมละ ๑๒.๐๐ บาท อันเป็นป้ายซึ่งใช้มาเป็นเวลา ๑ ปีเศษแล้ว และเป็นป้ายที่จำเลยแสดงออกว่าได้ขายในราคาสูงสุดในคราวเดียวกันนั้น จึงแสดงว่าป้ายกำหนดราคาสุกรชำแหละที่ร้านจำเลยเป็นป้านติดราคาเก่าโดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลงป้ายตามราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ใหม่ตามประกาศที่โจทก์ฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อ ๔ ของประกาศคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ ๖๗) พ.ศ. ๒๕๑๖ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๑๖ มีข้อความว่า “ให้ผู้ขายปลีกสุกรชำแหละจัดให้มีป้ายแสดงราคาตรงกับชนิดของสุกรชำแหละตามข้อ ๒ ข.” ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ป้ายแสดงราคาขายที่ปิดไว้นี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นป้ายแสดงราคาสูงสุดที่ทางการกำหนดไว้ให้ขายได้ เพียงแต่เป็นป้ายแสดงราคาที่จำเลยจะต้องขายตามราคาที่ปรากฏอยู่ในป้ายที่ปิดแสดงไว้เท่านั้น ก็ถือว่าได้ปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ ๖๗) พ.ศ. ๒๕๑๖ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๑๖ ข้อ ๔ แล้ว จำเลยจึงไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป.