คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก3เดือนปรับ2,000บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218ฎีกาจำเลยกล่าวอ้างว่าที่ดินแปลงที่จำเลยบุกรุกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันอันไม่ใช่ทรัพย์สินของบุคคลภายนอกคนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362ข้อที่ว่าที่ดินแปลงที่จำเลยบุกรุกจะเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้นต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอ ให้ ลงโทษ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา362 จำคุก 3 เดือน ปรับ 2,000 บาท รอ การ ลงโทษ ไว้ มี กำหนด 2 ปี
โจทก์ จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า คดี นี้ ศาลชั้นต้น พิพากษา ลงโทษ จำคุก 3 เดือนปรับ 2,000 บาท โทษ จำคุก ให้ รอ การ ลงโทษ ไว้ มี กำหนด 2 ปีศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยืน คดี จึง ต้องห้าม ฎีกา ใน ปัญหา ข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฎีกา ของ จำเลย ข้อ2.1 ที่ ศาลชั้นต้น สั่ง รับ มา นั้น จำเลย กล่าวอ้าง ว่า ที่ดิน แปลงที่ จำเลย บุกรุก เป็น สาธารณสมบัติ ของ แผ่นดิน ซึ่ง ใช้ เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือ สงวน ไว้ เพื่อ ประโยชน์ ร่วมกัน อัน ไม่ ใช่ทรัพย์สิน ของ บุคคล ธรรมดา คนหนึ่ง คนใด โดยเฉพาะ จึง ไม่ เป็นความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 พิเคราะห์ แล้ว เห็น ว่า ข้อที่ ว่า ที่ดิน แปลง ที่ จำเลย บุกรุก จะ เป็น ที่ สาธารณประโยชน์หรือ สงวน ไว้ เพื่อ ประโยชน์ ร่วมกัน หรือไม่ นั้น เป็น ปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกา ของ จำเลย จึง เป็น การ โต้เถียง ใน ปัญหา ข้อเท็จจริงเป็น เบื้องต้น ต้องห้าม ตาม บทกฎหมาย ดังกล่าว ศาลฎีกา ไม่ รับวินิจฉัย
พิพากษา ยก ฎีกา จำเลย.

Share