คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องของโจทก์บรรยายความหาว่าจำเลยได้นำความที่รู้อยู่ว่าเป็นความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นฟ้องตรงตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 118 เมื่อนำพยานสืบก็สืบตามฟ้อง แต่ในคำขอท้ายฟ้องอ้างมาตรา 155 ถึงมาตรา 158 ไม่ได้อ้างมาตรา 118 ดังนี้ เห็นได้ว่าเป็นเรื่องอ้างบทผิด ไม่ใช่ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลย ศาลจึงอาจลงโทษจำเลยในบทที่ถูกต้องคือตามมาตรา 118 ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 วรรค 4

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยแกล้งเอาความที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จไปร้องคัดค้านต่อคณะกรมการอำเภอทุ่งสงว่า ที่ดินที่โจทก์ร้องขอขายให้นายพันนั้นเป็นของจำเลย ฯลฯ คณะกรมการอำเภอจึงได้งดทำหนังสือสัญญาซื้อขายตามคำคัดค้านเท็จของจำเลย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๕๖,๑๕๗,๑๕๘
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยไม่ได้ทำผิดตามฟ้อง หากจะมีความผิดก็คงมีผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตร ๑๑๘ แต่โจทก์มิได้ขอมา จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๑๘ ปรับ ๒๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๑๘ ปัญหาคงมีว่า โจทก์มิได้อ้างมาตรา ๑๑๘ มาในคำขอท้ายฟ้อง คงอ้างแต่มาตรา ๑๕๕-๑๕๘ ดังนี้ ศาลจะลงโทษได้หรือไม่ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าลงโทษได้เพราะเป็นแต่โจทก์อ้างบทมาตราผิด ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยว่าเป็นเรื่องอ้างบทมาตราผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน

Share