คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์เป็นครั้งแรกโดยอ้างว่าติดว่าความในคดีอื่น ซึ่งทนายจำเลยคงคัดค้านแต่เพียงว่าเหตุที่ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีเป็นเหตุไม่จำเป็นและสมควร ไม่ได้คัดค้านว่าทนายโจทก์มิได้ติดว่าความที่ศาลอื่นจริง ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าทนายโจทก์ติดว่าความในคดีอื่น ถือได้ว่ามีเหตุจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนคดี แม้ในวันนัดชี้สองสถานเสมียนทนายโจทก์จะได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานของโจทก์แทนทนายโจทก์ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานโจทก์ให้ตามวันว่างของทนายโจทก์หรือไม่ เมื่อคดีเพิ่งนัดสืบพยานโจทก์เป็นนัดแรก พฤติการณ์จึงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็ค และค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินถึงวันฟ้องให้แก่โจทก์จำนวน 159,375 บาท และให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน150,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ฟ้อง ฟ้องเคลือบคลุมมูลหนี้ตามเช็คระงับสิ้นไปแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาทมิใช่ของจำเลยที่ 2 มูลหนี้ตามเช็คได้ระงับสิ้นไปแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องจำเลยที่ 1ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายโจทก์ติดว่าความที่ศาลอื่นซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีเหตุสมควรจะให้เลื่อนคดี ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษา จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณากำหนดประเด็นเพิ่มเติมให้จำเลยที่ 1 แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2532 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกนั้นได้ความว่าโจทก์เป็นฝ่ายขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่า ทนายโจทก์ติดว่าความที่ศาลอื่น จึงไม่สามารถมาว่าความได้ ทนายจำเลยทั้งสองคงคัดค้านแต่เพียงว่า เหตุที่ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีเป็นเหตุไม่จำเป็นและไม่สมควร ไม่ได้คัดค้านว่าทนายโจทก์มิได้ติดว่าความที่ศาลอาญาธนบุรีจริง ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่า ทนายโจทก์ติดว่าความในคดีดังกล่าวในวันนัดสืบพยานโจทก์จริง เห็นว่า เหตุที่ทนายโจทก์ติดว่าความในคดีอื่น ถือได้ว่ามีเหตุจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนคดีแม้ในวันนัดชี้สองสถานเสมียนทนายโจทก์จะได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกแทนทนายโจทก์ แต่ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานโจทก์ให้ตามวันว่างของทนายโจทก์แต่อย่างใด คดีนี้เพิ่งนัดสืบพยานโจทก์เป็นนัดแรก ทั้งรูปคดีก็เป็นเรื่องที่โจทก์เป็นฝ่ายฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยทั้งสอง พฤติการณ์แห่งคดียังฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าจำเลยทั้งสองได้คัดค้านการขอเลื่อนคดีของโจทก์แล้วศาลจะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้ก็เฉพาะแต่กรณีที่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40เท่านั้น เห็นว่าบทกฎหมายดังกล่าวบัญญัติไว้ด้วยว่าเมื่อศาลได้สั่งให้เลื่อนคดีไปแล้ว คู่ความฝ่ายนั้นจะขอเลื่อนการนั่งพิจารณาต่อไปไม่ได้เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงไปเสียได้อีกทั้งยังบัญญัติต่อไปว่า คู่ความฝ่ายที่ขอเลื่อนจะต้องแสดงให้เป็นที่พอใจของศาลได้ว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ก็ให้ศาลสั่งเลื่อนคดีต่อไปได้เท่าที่จำเป็นแม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้ง ดังนี้เมื่อโจทก์ขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรกและเป็นเหตุที่โจทก์อ้างเป็นเหตุจำเป็น จึงสมควรอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีไปได้
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share