คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง หมายเรียกจำเลยแก้คดี ดังนี้ เป็นการสั่งรับฟ้องคดีส่วนอาญาและส่วนแพ่งแล้ว ไม่จำต้องสั่งรับฟ้องส่วนแพ่งอีก
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้น จำเลยมีสิทธิยื่นคำให้การในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้ มิใช่ต้องยื่นคำให้การแก้คดีภายใน 8 วัน และโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน เมื่อปรากฏว่าโจทก์ทราบคำสั่งศาลเรื่องวัดนัดสืบพยานโจทก์แล้ว ศาลก็ไม่ต้องแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้ทราบอีก ทั้งไม่จำเป็นต้องมีการนัดพร้อม นัดชี้สองสถานแต่อย่างใด

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔, ๑๕๗, ๑๖๑, ๑๖๒, ๑๖๕, ๓๕๘, ๓๖๒, ๓๖๕ (๒)(๓) และขอให้จำเลยระงับการก่อสร้างรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ปรับพื้นที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิมห้ามเกี่ยวข้อง ออกจากที่พิพาทไป และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
วันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาอ้างว่าป่วย จำเลยค้าน เมื่อจัดแพทย์ไปตรวจอาการป่วยของทนายโจทก์แล้ว ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณา โจทก์ไม่มีพยานมาศาล จำเลยแถลงไม่สืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์เฉพาะข้อ ๒ ก. ที่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น ฎีกาข้ออื่นไม่รับ โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาสั่งยกคำร้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๗ ในสำนวนแรก ขอถอนฎีกา ศาลฎีกาอนุญาตให้จำหน่ายคดีเฉพาะโจทก์ดังกล่าว
คดีมีปัญหาว่า การดำเนินกระบวนพิจารณาและคำสั่งของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ และขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย เป็นการฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง หมายเรียกจำเลยแก้คดี อันเป็นเป็นการสั่งรับฟ้องคดีส่วนอาญาและสวนแพ่งแล้ว โดยไม่จำต้องสั่งรับฟ้องส่วนแพ่งอีก ศาลชั้นต้นสั่งให้หมายเรียกจำเลยแก้คดีให้โจทก์นำส่งหมายเรียกภายใน ๓ วัน มิได้สั่งให้จำเลยแก้คดีภายใน ๓ วัน และเนื่องจากเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จำเลยมีสิทธิยื่นคำให้การในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้ มิใช่ต้องยื่นคำให้การแก้คดีภายใน ๘ วัน ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๑๙ เมื่อโจทก์เป็นผู้นำส่งหมายเรียกก็ต้องถือว่าโจทก์ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วโดยศาลไม่ต้องแจ้งทั้งในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แสดงว่าโจทก์และทนายโจทก์ทราบคำสั่งศาลเรื่องวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว อนึ่ง คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวแล้ว โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน โดยไม่จำเป็นต้องมีการนัดพร้อม นัดชี้สองสถาน นัดสืบพยานโจทก์ โดยแจ้งวันนัดให้คู่ความทราบดังที่โจทก์ฎีกา การดำเนินกระบวนการพิจารณาและคำสั่งของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พิพากษายืน

Share