คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินมีโฉนดแม้จำเลยจะได้ครอบครองโดยปรปักสเกิน 10 ปีถ้าหากมิได้ไปจดทเบียนสิทธิตาม ป.พ.พ.ม.1299 (2) ก็จะยกเปนข้อต่อสู้บุคคลพายนอกผู้ได้รับโอนมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทฟ้องอ้างกัมสิทธิ์ไนที่ดินรายพิพาทโดยกล่าวว่าจำเลยบุกรุก ขอไห้ขับไล่
จำเลยไห้การว่า โจทพอไจซื้อที่โดยรู้หยู่แล้วว่า เนื้อที่ดินไม่เต็มโฉนด หากจะถือว่าจำเลยบุกรุก จำเลยก็ได้ปกครองโดยปรปักสมา ๑๓-๑๔ ปีแล้ว
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วฟังว่าเมื่อเจ้าของที่ดินก่อนโจทเปนเจ้าของได้ขาดการครอบครองจนเจ้าของโฉนดเหล่านั้นเองก็ไม่มีกัมสิทธิ์แล้ว แม้โจทรับซื้อโดยมีค่าตอบแทนและสุจริตไจก็ดี โจทก็ย่อมได้กัมสิทธิ์เท่าที่เจ้าของเดิมครอบครองมาเท่านั้น จึงพิพากสายกฟ้องโจท
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์ฟังว่าจำเลยครอบครองที่ดินมาเกิน ๑๐ ปีได้กัมสิทธิตาม ม.๑๓๘๒ ก็จิงหยู่แต่กัมสิทธิไนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางอื่น ถ้ายังมิได้จดทเบียนก็ต้องหยู่พายไนบังคับมาตรา ๑๒๙๙ วัค ๒ จะยกขึ้นต่อสู้บุคคลพายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่ เมื่อจำเลยมิได้จดทเบียนสิทธิ สิทธิของจำเลยจึงสู้โจทไม่ได้ พิพากสากลับไห้ยกฟ้อง
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่าจิงหยู่จำเลยปกครองที่พิพาทมาเกิน ๑๐ ปี แต่ตาม ม.๑๒๙๙ วัค ๒ จำเลยจะต้องจดทเบียนสิทธิจึงจะไช้ยันโจทผู้ซื้อโดยสุจริตได้ จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์

Share