แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยกคันนากั้นน้ำในลำห้วยสาธารณะเป็นเหตุให้น้ำท่วมต้นข้าวโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและทำลายคันนา
ดังนี้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องให้จำเลยรับผิดเพื่อการละเมิดตาม ป.พ.พ.ม. 420 แม่น้ำที่โจทก์ปลูกข้าวจะไม่ใช่ของโจทก์ก็ดี โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องได้และในเรื่องห้วยสาธารณะก็เช่นเดียวกันเมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเนื่องจากการกระทำของจำเลย โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยมีนาอยู่ติดต่อกันที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ปรากฎตามแผนที่ท้ายฟ้อง ได้อาศัยน้ำซึ่งไหลมาจากห้วยบ่อชั้นหรือบ่อลูกท่อทำนาตลอดมา จำเลยได้ขุดดินยกคันนาสูงกั้นน้ำห้วยตีนเป็ดและห้วยบ่อชั้นเป็นเหตุให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมต้นข้าวในนาโจทก์ซึ่ง+คำไว้เสียหายคิดเป็นค่าเสียหายรวมเป็นเงิน ๒๔๐๐ บาท ขอให้บังคับ
จำเลยต่อสู้ว่านาตามแผนที่ท้ายฟ้องไม่ใช่ของโจทก์จำเลยรับว่าได้ขุดคันนาจริง แต่ที่โจทก์ว่าเสียหายนั้นไม่จริง จำเลยไม่ต้องรับผิด
โจทก์แถลงรับว่านารายนี้ไม่ใช่นาของโจทก์ โดยเป็นนาของนางจี๊ดมารดา โจทก์ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งนางจี๊ดได้เช่ามาจากนางคุด โจทก์เป็นเพียงแต่ผู้ทำนารายนี้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเมื่อโจทก์ไม่ใช่เจ้าของนา แม้การกระทำของจำเลยจะทำให้ข้าวในนาของโจทก์เสียหายโจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ผู้เสียหายโดยตรงคือเจ้าของที่ดินโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องและการที่ผู้หนึ่งผู้ใดบังอาจปิดกั้นห้วยสาธารณะเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่ได้ใช้ประโยชน์ ผู้ขาดประโยชน์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายอันจะมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลโดยลำพังตนเอง พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานให้สิ้นกระแสความ แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้ข้าวของโจทก์ที่ปลูกไว้ในนาเสียหาย หากการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจริงแล้ว จำเลยก็ต้องรับผิดตาม ป.พ.พ.ม.๔๒๐ แม้นาที่โจทก์ปลูกข้าวจะไม่ใช่ของโจทก์ก็ดี โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ เรื่องปิดกั้นห้วยสาธารณะก็เช่นเดียวกัน เมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเนื่องจากการกระทำของจำเลย โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องจำเลยได้ พิพากษายืน