แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ครอบครองที่พิพาทและดำเนินกิจการโรงเรียนแทนคณะกรรมการโรงเรียนตลอดมาแม้โจทก์จะได้รับอนุญาตเป็นเจ้าของโรงเรียนก็เป็นเพียงเจ้าของที่แสดงออกและรับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. 2497 มาตรา 4,7 เท่านั้น โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท
โจทก์ฟ้องขอให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ในชั้นฎีกา โจทก์ขอให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนโรงเรียนและคณะกรรมการโรงเรียน จึงเป็นการขอนอกเหนือคำฟ้องเดิมของโจทก์ และเพราะโรงเรียนมิใช่นิติบุคคลและคณะกรรมการโรงเรียนมิได้ยินยอมด้วย ศาลจึงไม่อาจบังคับตามคำขอให้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับมอบการดำเนินงานจากคณะกรรมการโรงเรียน โจทก์จึงขออนุญาตกระทรวงศึกษาธิการขอเปิดโรงเรียน โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทและโรงเรียนโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว จึงได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์เพียงเข้าไปจัดการโรงเรียนตามหน้าที่เท่านั้น จึงอ้างไม่ได้ว่าครอบครองโดยปรปักษ์ และตัดฟ้องว่าที่พิพาทส่วนหนึ่งเป็นที่สร้างโรงเรียนโจทก์มิได้เป็นกรรมการโรงเรียนจึงไม่มีสิทธิและอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าโจทก์ได้เข้าครอบครองดูแลจัดการโรงเรียนทั้งในฐานะเจ้าของและผู้จัดการโรงเรียนโดยเปิดเผยและโดยสุจริต ทั้งเป็นการครอบครองต่อจากเจ้าของเดิมคือ คณะกรรมการโรงเรียน โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ โจทก์ฟ้องคดีโดยอาศัยกรรมสิทธิ์ติดต่อจากกรรมการโรงเรียนและมิได้ฟ้องเรียกที่พิพาทให้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แต่เรียกแทนโรงเรียนหรือคณะกรรมการโรงเรียน ข้อตัดฟ้องจึงฟังไม่ขึ้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ดำเนินการเข้าถือเอาการครอบครองแทนโรงเรียนหรือคณะกรรมการโรงเรียนเท่านั้น หาใช่เป็นการครอบครองเพื่อตนเองไม่ โจทก์จะอ้างสิทธิครอบครองเพื่อแสดงว่าที่พิพาทเป็นของตนไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยที่ขออนุญาตให้มีการซักพยานโจทก์อีก พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า บิดาจำเลยได้ขายที่พิพาทให้แก่โรงเรียนหรือคณะกรรมการโรงเรียน มิใช่เป็นการให้อาศัยดังฎีกาของจำเลย ที่โจทก์ฎีกาว่าที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโรงเรียนหรือคณะกรรมการโรงเรียน คณะกรรมการโรงเรียนได้มอบหมายให้โจทก์เป็นเจ้าของและผู้จัดการโรงเรียน โจทก์ครอบครองที่พิพาทและคณะกรรมการมา ๑๐ กว่าปี ที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แต่โจทก์มิได้ประสงค์จะเอาเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัวนั้น เห็นว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทและดำเนินกิจการโรงเรียนแทนคณะกรรมการโรงเรียนตลอดมา แม้โจทก์จะได้รับอนุญาตเป็นเจ้าของโรงเรียน ก็เป็นเพียงเจ้าของที่แสดงออกและรับอนุญาตพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๔,๗ เท่านั้น โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แม้ในชั้นฎีกา โจทก์ว่าโจทก์ฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์แทนโรงเรียนและคณะกรรมการโรงเรียนมิได้ประสงค์ให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยส่วนตัว ก็ไม่อาจทำได้ เพราะโรงเรียนมิใช่นิติบุคคลและคณะกรรมการโรงเรียนมิได้ยินยอมด้วย และเป็นการนอกเหนือคำฟ้องเดิมของโจทก์
พิพากษายืน.