คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 โดยไม่ปรากฏรายละเอียดว่าให้ทรัพย์สินอะไร แก่ใคร ซึ่งเป็นสาระสำคัญของฟ้องที่จะต้องกล่าวถึง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยไม่มีข้อความว่า เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดตามมาตรานี้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยมีหน้าที่ทำเอกสารดูแลรักษาเอกสาร รับเอกสาร หรือมีหน้าที่กรอกข้อความลงในเอกสาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 162 จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 (5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา278, 284 โดยไม่มีรายละเอียดว่ามีการขู่เข็ญ หรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือใช้อุบายหลอกลวง ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา340 โดยไม่ได้บรรยายว่าการใช้กำลังประทุษร้ายของจำเลยดังกล่าว จำเลยกระทำอย่างใดเพื่อที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาและไม่ปรากฏว่าการใช้กำลังประทุษร้ายนั้นเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาเอาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 339 อันเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๘, ๑๕๗, ๑๖๑, ๑๖๒, ๑๗๒, ๑๗๓, ๒๗๘, ๒๘๔, ๓๔๐, ๓๕๘, ๓๖๒, ๘๓, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูลทุกข้อหาพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๘นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบด้วยการข่มขืนใจและจูงใจให้โจทก์ที่ ๑ ให้ทรัพย์สินอย่างอื่นเพื่อจะไม่ตั้งข้อหาโจทก์ที่ ๑ ว่ามีอาวุธปืนเถื่อนไว้ในครอบครอง โดยไม่ปรากฏรายละเอียดว่าให้ทรัพย์สินอะไร แก่ใคร ซึ่งเป็นสาระสำคัญของฟ้องที่จะต้องกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕)
ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพราะได้ร่วมกันฟังทำลาย ประตูบ้านเข้าไปและไม่มีอำนาจเข้าไปในบ้านเรือนของโจทก์ในเวลากลางคืนโดยไม่มีหมายค้น โดยไม่มีข้อความว่า เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดตามมาตรานี้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘(๕)
ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๑, ๑๖๒ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันจับโจทก์ที่ ๑ โดยไม่มีหมายค้นและหมายจับ หากมีอยู่ก็เป็นการปลอมขึ้นภายหลัง และรับรองว่าได้มีการแจ้งข้อหาและกระทำการตามหลักฐานนั้น โดยไม่ได้บรรยายให้เห็นว่า จำเลยมีหน้าที่ทำเอกสาร ดูแลรักษาเอกสาร หรือมีหน้าที่กรอกข้อความลงในเอกสาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความผิด ฟ้องของโจทก์จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิด ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕)
ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันมีอาวุธปืน ใช้กำลังประทุษร้ายปล้นทรัพย์ของโจทก์ไปโดยเจตนาทุจริต โดยไม่บรรยายว่า การใช้กำลังประทุษร้ายของจำเลยดังกล่าว จำเลยกระทำอย่างใด เพื่อที่จำเลยจะเข้าใจข้อหา และไม่ปรากฏว่า การใช้กำลังประทุษร้ายนั้นเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใดที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ อันเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานปล้นทรัพย์ฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕)
พิพากษายืน

Share