แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดาถึงแก่กรรม บรรดาบุตรรวมทั้งโจทก์และโจทก์ร่วมอยู่ในปกครองของบิดา บิดาได้ครอบครองทรัพย์ทั้งหมดแต่ผู้เดียวตลอดมาโดยบุตรทุกคนไม่ได้เกี่ยวข้องทรัพย์ทั้งหมดอยู่ในอำนาจจัดการของบิดาแต่ผู้เดียว แสดงว่าบิดาถือตนเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวตลอดมา บิดาได้แบ่งสินเดิมของมารดาให้แก่บุตรทุกคนเท่า ๆ กัน แต่สินสมรสไม่แบ่งบิดาได้ยุบร้านค้าเดิมมาเปิดร้านค้าใหม่กู้เงินบุคคลภายนอกมาลงทุนโดยไม่มีบุตรคนใดเกี่ยวข้อง พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าบิดามิได้ครอบครองทรัพย์สินแทนบุตรแต่ประการใด กลับมีพฤติการณ์แสดงว่าบุตรปล่อยให้บิดาครอบครองอย่างเจ้าของ และเมือโจทก์และโจทก์ร่วมบรรลุนิติภาวะแล้ว อำนาจการปกครองโจทก์และโจทก์ร่วมของบิดาก็สิ้นสุดลงอำนาจการครอบครองทรัพย์ของโจทก์และโจทก์ร่วมก็สิ้นไปด้วย โจทก์กับโจทก์ร่วมมีสิทธิเรียกร้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของมารดาอันเป็นส่วนแบ่งของตนจากบิดาได้ แต่โจทก์และโจทก์ร่วมก็มิได้ใช้สิทธิเรียกร้องขอให้บังคับ จนล่วงเลยมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว คดีของโจทก์และโจทก์ร่วมจึงขาดอายุความ (อ้างฎีกาที่ 114/2482)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางทองอยู่มารดาโจทก์ถึงแก่กรรม ทรัพย์มรดกของมารดาได้ตกอยู่ในความครอบครองของนายทองดี ผู้เป็นบิดา เพราะโจทก์และทายาทคนอื่นยังเป็นผู้เยาว์ ต่อมานายทองดีตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ของมารดาโดยเฉพาะที่ดินซึ่งยังมิได้แบ่งนั้นให้แก่ทายาทดังสำเนาท้ายฟ้อง โจทก์เห็นว่าพินัยกรรมที่นายทองดีทำไว้ไม่ชอบ เพราะทรัพย์ตามพินัยกรรมอันเป็นส่วนของนางทองอยู่ตกได้แก่ทายาทโดยธรรมคนละส่วนเท่า ๆ กัน นายทองดีได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกส่วนนี้ของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ และให้ขายใช้หนี้ซึ่งนายทองดีไม่มีอำนาจทำได้ โจทก์ได้ขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์ดังกล่าวให้โจทก์ แต่จำเลยไม่ยอมแย่ง ขอให้ศาลเพิกถอนข้อกำหนดพินัยกรรม และให้จำเลยแบ่งมรดกให้โจทก์
ระหว่างพิจารณา นางจินดา จิตรวิบูลย์ นางนพคุณ ไชยโกมินทร์ และนางรัตนา รักชาติ ได้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
จำเลยให้การว่านายทองดีใช้เงินของนายทองดีซื้อที่ดิน เมื่อนางทองอยู่ถึงแก่กรรมแล้ว นายทองดีมิได้ครอบครองทรัพย์มรดกแทนบุตร โจทก์และโจทก์ร่วมบรรลุนิติภาวะมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว มิได้ขอแบ่งทรัพย์ที่อ้างว่าเป็นส่วนของตนจากนายทองดีหรือทายาทคนใด คดีโจทก์ขาดอายุความ นายทองดีได้ครอบครองทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องมาด้วยความสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า ๑๐ ปี หลังจากโจทก์บรรลุนิติภาวะแล้ว ทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นของนายทองดีแต่ผู้เดียว หากศาลฟังว่าทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องเป็นมรดกของนายอยู่ก็เพียง ๑ ใน ๓ เท่านั้น พินัยกรรมของนายทองดีสมบูรณ์และชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ยังไม่มีอำนาจขอศาลบังคับจำเลยขอให้ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมเสีย
ศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่า นางทองอยู่มีมรดกอันเป็นสินสมรสระหว่างนายทองดีกับนางทองอยู่ ๑ ใน ๓ แต่เมื่อโจทก์และโจทก์ร่วมบรรลุนิติภาวะแล้ว อำนาจการปกครองบุตร คือ โจทก์และโจทก์ร่วมของนายทองดีก็สิ้นไป และอำนาจครอบครองทรัพย์ของบุตรก็สิ้นสุดด้วย นายทองดีบิดาไม่อยู่ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรม จึงไม่อยู่ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองทรัพย์แทนโจทก์และโจทก์ร่วมต่อไปทั้งโจทก์และโจทก์ร่วมก็มิได้ครอบครองทรัพย์มรดกดังกล่าวร่วมกับนายทองดีผู้เป็นบิดา เมื่อโจทก์และโจทก์ร่วมบรรลุนิติภาวะแล้ว มีสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกของมารดาจากบิดาได้ แต่มิได้เรียกร้องจากบิดา ได้ปล่อยให้ล่วงเลยมากว่า ๑๐ ปี แม้จะใช้อายุความ ๑๐ ปี สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในทรัพย์มรดกของมารดาก็ขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วม
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ทรัพย์ตามพินัยกรรมเป็นมรดกของนางทองอยู่มารดาเมื่อนางทองอยู่ถึงแก่กรรม บรรดาบุตรรวมทั้งโจทก์และโจทก์ร่วมอยู่ในปกครองของนายทองดีผู้เป็นบิดา นายทองดีได้ครอบครอง
ทรัพย์ทั้งหมดแต่ผู้เดียวตลอดมา โดยบุตรทุกคนไม่ได้เกี่ยวข้อง ทรัพย์ทั้งหมดอยู่ในอำนาจจัดการของนายทองดีแต่ผู้เดียวนายทองดีขายที่สะพานควายแล้วซื้อที่ใหม่ นายทองดีก็ใช้อำนาจจัดการโดยลำพังผู้เดียวแสดงว่านายทองดีถือตนเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวตลอดมา นายทองดีแบ่งสินเดิมให้บุตรทุกคน ส่วนสินสมรสนายทองดีถือตนเป็นเจ้าของ มิได้แบ่งให้บุตรคนใด นายทองดีได้ทุบร้านค้าเดิมมาเปิดใหม่ และต้องกู้ยืมเงินจากบุคคลภายนอกมาใช้จ่าย และมีหนี้สินจำนวนมาก พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่านายทองดีมิได้ครอบครองทรัพย์สินดังกล่าวแทนบุตร กลับมีพฤติการณ์แสดงว่าบุตรปล่อยให้บิดาครอบครองอย่างเจ้าของทั้งโจทก์และโจทก์ร่วมเมื่อบรรลุนิติภาวะและแต่งงานมีสามีแล้วก็แยกครอบครัวไปอยู่ต่างหาก มิได้มาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด จึงถือได้ว่านายทองดีได้ครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดในฐานะเป็นของตนเอง มิได้ครอบครองแทนโจทก์และโจทก์ร่วม และเมื่อโจทก์กับโจทก์ร่วมบรรลุนิติภาวะ อำนาจปกครองของนายทองดีสิ้นไป อำนาจการครอบครองทรัพย์แทนโจทก์และโจทก์ร่วมก็สิ้นไปด้วย นายทองดีมิได้ครอบครองทรัพย์แทนโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี โจทก์กับโจทก์ร่วมมีสิทธิเรียกร้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของมารดาอันเป็นส่วนแบ่งของตนจากนายทองดีผู้เป็นบิดาได้ แต่โจทก์และโจทก์ร่วมก็มิได้ใช้สิทธิเรียกร้องขอให้บังคับ จนล่วงเลยมาเป็นเวลาเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว คดีของโจทก์และโจทก์ร่วมจึงขาดอายุความ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๔/๒๔๘๒
พิพากษายืน.