คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016-1027/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้สนามหลวงเป็นที่ตั้งและวางรถจักรยานสองล้อให้คนเช่าขับขี่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และเป็นการกีดขวางการไปมาเพราะสนามหลวงเป็นสถานที่ซึ่งสาธารณะชนใช้สัญจรไปมา แต่สถานที่ที่กล่าวหากันเป็นเพียงสนามส่วนหนึ่งทั้งไม่ได้ความว่าที่ตรงนั้นเป็นถนนหนทาง จำเลยยังไม่มีความผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 336(1),334(2) พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มาตรา 60,62,65

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตั้งและวางรถจักรยานสองล้อในสนามหลวงซึ่งสาธารณชนมีความชอบธรรมที่จะใช้เป็นทางสัญจร เป็นทางและถนนหลวงตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยกีดขวางการจราจร และกีดกั้นทางหลวงโดยใช่เหตุ จำเลยให้ผู้อื่นเช่าจักรยานใช้ขับขี่ในลานสนามหลวงและทางเท้ารอบสนามหลวง และสามารถอาจจะเกิดภยันตรายและขัดขวางแก่การไปมาของสาธารณชน เจ้าพนักงานว่ากล่าวตักเตือนจำเลยและห้ามไม่ใช่จำเลยกระทำเช่นที่กล่าวนั้น จำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 336(1), 334(2) พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 60, 62, 65

จำเลยให้การปฏิเสธความผิด

ศาลชั้นต้นเห็นว่าสนามหลวง เป็นทางตามความหมายแห่งกฎหมายอาญา มาตรา 336(1) และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 61พิพากษาให้ปรับจำเลยคนละ 50 บาทตามกฎหมายอาญา มาตรา 336(1),334(2) พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 61, 62, 63

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสนามหลวงไม่มีสภาพเป็นทางจำเลยไม่มีความผิดพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้วได้ความว่าจำเลยใช้สนามหลวงเป็นที่ตั้งและวางรถจักรยานสองล้อให้คนเช่าขับขี่ การกระทำทั้งนี้จำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่และการกระทำทั้งนี้กีดขวางการไปมาเพราะสนามหลวงเป็นสถานที่ซึ่งสาธารณชนใช้สัญจร แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าสนามหลวงไม่มีสภาพเป็นทางจำเลยจึงไม่มีความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ระบุ

ตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้นั้น ศาลนี้เห็นพ้อง สนามหลวงเป็นสถานที่ซึ่งสาธารณชนใช้สัญจรไปมา ข้อนี้เป็นความจริง แต่สถานที่ที่กล่าวหากันเป็นเพียงสนามส่วนหนึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าที่ตรงนั้นเป็นถนนหนทาง ศาลอุทธรณ์ไม่ลงโทษจำเลยชอบแล้ว ศาลนี้พิพากษายืน

Share