แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 4 ขอให้ศาลสั่งปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาโดยผู้ขอประกันขอวางเงินสด 250,000 บาท เป็นประกันต่อศาล
หมายเหตุ ระหว่างพิจารณา ธนาคารกสิกรไทย จำกัด ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265,266,268,341 และ 342 ให้ลงโทษฐานปลอมบัตรประชาชนตามมาตรา 265 ประกอบด้วยมาตรา 268 จำคุก3ปีฐานปลอมตั๋วเงินตามมาตรา 266 ประกอบด้วยมาตรา 268 จำคุก 5 ปีและฐานฉ้อโกงโดยแสดงเป็นคนอื่นตามมาตรา 342(1) จำคุก2 ปีรวม 3 กระทง จำคุกคนละ 10 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะความผิดฐานปลอมสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนและใช้สำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนปลอม จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา264 วรรคแรก และ 268 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268ประกอบด้วยมาตรา 264 วรรคแรก แต่กระทงเดียว จำคุก คนละ 2 ปีส่วนจำเลยที่ 4 ให้ยก รวมโทษทุกกระทงแล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 5 คงจำคุกคนละ 9 ปี จำเลยที่ 4 จำคุก 7 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 4 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้จำเลยที่ 4 หนึ่งในสาม คงลงโทษจำเลยที่ 4 จำคุก 4 ปี 8 เดือนคดีสำหรับจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา แต่ให้ขังจำเลยที่ 3ไว้ในระหว่างฎีกา นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 262 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 4 ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาและศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 4 ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์โดยตีราคาประกัน 500,000 บาท (อันดับ 10,218)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ในข้อหาที่จำเลยที่ 4 ถูกพิพากษาลงโทษนั้นต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยที่ 4 ยังไม่ได้ยื่นฎีกาในชั้นนี้จึงยังไม่มีเหตุที่จะพิจารณาให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง