คำสั่งคำร้องที่ 682/2519

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้มอบตัวจำเลยให้บิดาจำเลยโดยให้บิดาจำเลยระวังจำเลยไม่ให้ก่อเหตุร้ายวิธีการที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดเช่นนี้เบากว่าโทษจำคุกจึงตกอยู่ในบังคับของมาตรา 218 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 80, 279, 90 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2514) ข้อ 7 ข้อ 9 แต่จำเลยมีอายุไม่เกิน 14 ปี ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 ให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจนกว่าจำเลยจะมีอายุ 18 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้มอบตัวจำเลยให้แก่บิดาจำเลยไม่ให้ก่อเหตุร้ายตลอดเวลา 2 ปีถ้าจำเลยก่อเหตุร้ายขึ้นให้ชำระเงินครั้งละ 300 บาทต่อศาลโจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “วิธีการที่คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองกำหนดสำหรับจำเลยนั้น แม้มิใช่เป็นโทษสำหรับลงแก่ผู้กระทำผิดตามมาตรา 18 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แต่ก็เป็นวิธีการอย่างหนึ่งตามคำสั่งของศาลที่เบากว่าโทษจำคุก ย่อมตกอยู่ในบังคับของมาตรา 218 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเรื่องห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาล และขอให้เปลี่ยนวิธีการตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาเป็นใช้วิธีการอย่างอื่นตามที่โจทก์ฎีกา ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกานั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง”

Share